กรุงเทพฯ 1 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ไม่หนักใจจับอัยการคนแรกของประเทศเรียกรับเงินช่วยคดี เชื่อเป็นความผิดส่วนบุคคลมีพยานหลักฐานชัด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงคดีที่มีการจับกุมพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวานนี้ ว่า คดีนี้ผู้เสียหายร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ว่าถูกอัยการคนดังกล่าวเรียกรับทรัพย์สินในการช่วยเหลือเรื่องคดี ป.ป.ช.จึงขอให้ตำรวจ ปปป.ทำคดีนี้ โดยใช้เวลาวางแผนและรวบรวมพยานหลักฐาน 2 สัปดาห์ และขอศาลอนุมัติหมายจับ
ขณะที่เข้าไปจับกุมอัยการคนดังกล่าว ให้ความร่วมมือดี ไม่มีการขัดขืน จากการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่าเงินที่ได้รับจากผู้เสียหาย จำนวน 250,000 บาท เป็นเงินจากการใช้หนี้ ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวไปแล้วโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาท ส่วนการดำเนินคดีตอนนี้ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะรับไว้ดำเนินการเองหรือส่งกลับมาให้ตำรวจดำเนินการสั่งฟ้อง ยืนยันตำรวจทำคดีนี้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง หรือทำนอกเหนือพยานหลักฐาน ยอมรับที่ผ่านมาไม่เคยจับกุมอัยการที่กระทำความผิด ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรก ส่วนจะมีผู้เสียหายคนอื่น ๆ อีกหรือไม่ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงาน
ทั้งนี้มีข้อมูลรายงานข่าวว่า มูลเหตุของคดีนี้มาจากผู้เสียหายได้รับจำนองที่ดินมาจากคู่กรณีรายหนึ่ง ซึ่งได้มีการทำสัญญากู้ยืมกันไว้ โดยลูกหนี้ใช้โฉนดที่ดินในการค้ำประกัน ต่อมาทั้งสองฝ่ายมีปัญหากัน ฝั่งลูกหนี้จึงไปแจ้งความว่าผู้เสียหายขโมยโฉนดที่ดินไปจนเรื่องถึงชั้นอัยการ จากนั้นผู้เสียหายได้รับการติตต่อจากอัยการคนดังกล่าว เนื่องจากว่าลูกของผู้เสียหายและลูกของอัยการเรียนโรงเรียนเดียวกัน จึงเสนอตัวช่วยเหลือเรื่องคดี โดยเรียกเงินจากผู้เสียหาย 2 แสนบาท ผู้เสียหายจึงรับปากและนำเรื่องข้อร้องเรียนกับ ป.ป.ช. และเกิดการวางแผนรวบรวมพยานหลักฐานตั้งแต่การจ่ายเงินครั้งแรก 5 หมื่นบาท และมีการนัดหมายจะจ่ายเงินที่เหลือที่สำนักงานของอัยการคนดังกล่าว
จากการตรวจสอบของชุดสืบสวนสอบสวน พบว่าอัยการคนดังกล่าวดำรงตำแหน่งเดิมเป็นเวลานานจนผิดปกติ ทั้งที่เพื่อนในรุ่นเดียวกันได้รับการเลื่อนตำแหน่งและไปประจำที่จังหวัดอื่น แต่ผู้ต้องหายังคงอยู่ที่เดิม จึงเตรียมตรวจสอบย้อนหลังไปยังคดีต่าง ๆ ที่เคยสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้องว่ามีความผิดปกติหรือไม่ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป้าหมายที่อัยการเข้าไปเรียกรับเงินเคลียร์คดี น่าจะมีคนคอยชงเลือกคดีต่าง ๆ มาให้ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน. -416-สำนักข่าวไทย