บก.ปปป. 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า“ เผยเอาผิดวินัยร้ายแรง 3 ตำรวจน้ำ ปล่อยเรือน้ำมันเถื่อนหาย พร้อมเตรียมออกหมายจับ “เสี่ยโจ้” และพวกภายในสัปดาห์นี้ ส่วนแชทหลุด ผกก. “น” รับแล้ว เป็นของตัวเองจริง แต่ปฎิเสธเรื่องส่วย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เรียกคณะพนักงานสอบสวนคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 มาประชุมติดตามความคืบหน้าการสืบสวนข้อเท็จจริงตามคำสั่ง บช.ก. ที่ 136/67 ลงวันที่ 19 มิ.ย.67 โดยใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า วันนี้มติที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าจะมีการตั้งวินัยร้ายแรงกับตำรวจทั้ง 3 นาย ส่วนกรณีละเมิด (เรียกร้องค่าเสียหาย) ต้องให้คดีในส่วนนี้จบไปก่อน ส่วนการดำเนินการเรื่องมาตรา 157 มติที่ประชุมได้ให้ตำรวจน้ำมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ บก.ปปป.เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวน 2 นาย ที่เฝ้าเรือ เพราะบกพร่องในหน้าที่ไม่เข้าเวรยาม ส่วนสารวัตรสถานีไม่เข้าข่ายผิด ม.157 หลังการถูกดำเนินคดีดังกล่าวแล้วจะต้องรอทางกองบัญชาการสอบสวนกลางพิจารณาเรื่องการให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่
นอกจากนี้ได้นำโทรศัพท์ทั้ง 9 เครื่อง มาตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ทั้งหมด เหลือเครื่องของผู้กำกับการที่ยังดูไม่ได้เพราะไฟล์ใหญ่ แต่ได้ดึงข้อมูลมาแล้ว โดยเป็นข้อมูลจากเครื่องของผู้กำกับ, สารวัตร, เวรยามก่อนและหลังเข้าเวรในช่วงนั้น ได้นำมาตรวจสอบทั้งหมดปรากฏว่า ของโทรศัพท์ผู้กับการไฟล์ข้อมูลใหญ่ยังไม่สามารถดึงข้อมูลมาได้ ทั้งนี้ได้ตรวจสอบข้อมูลไปแล้ว 90% ส่วนเรื่องส่วยยังไม่พบ หากพบข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการ 157 ด้วย ทั้งนี้จะตรวจสอบทุกมิติว่าเกี่ยวข้องกับเรือหายไปเกี่ยวโยงกับการมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดหรือไม่และมีการช่วยเหลือหรือไม่ ทั้งนี้ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เพราะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงกับทางราชการ
“ตำรวจมีหน้าที่และความรับผิดชอบ หากไม่ทำก็สร้างความเสียหายให้ราชการ ไม่ใช่บกพร่องเพราะไม่ทำหน้าที่จนทำให้เกิดความเสียหายแบบนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะต้องมีคนรับผิดชอบ แม้จะเห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะยังเด็กอยู่แต่เมื่อรู้กฎหมายเหมือนกัน ควรความรับผิดชอบต่อหน้าที่ การทำงานที่สั่งไปตามที่แบบแผนและวิธีการการดูแลของกลาง หากไม่ทำจะเกิดความเสียหายทำให้ภาพรวมของการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหายไปด้วย จึงไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้“ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
ส่วนเรื่องแชทหลุดการเจรจาระหว่าง ผกก. ”น“ และเสี่ยโจ้นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่าได้เรียกพันตำรวจเอกวรเอก หรือ ผู้กำกับการเน่า มาให้การแล้ว ยอมรับว่าเป็นแชทของตัวเองจริง โดยเป็นการพูดคุยระหว่างตัวเองกับเสี่ยโจ้ แต่ปฏิเสธในเรื่องผลประโยชน์ อ้างว่าได้ปฏิเสธในแชทการพูดคุยแล้ว ว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งแชทนี้เป็นการพูดคุยหลังจากจับเรือทั้ง 5 ลำ
ส่วนรายชื่ออื่นที่อยู่ในแชทมีตัวตนจริงทั้งหมด ทั้งผู้การเรือ ”ส“, รองสมพร และหนุ่ม เพชรบุรี ซึ่งคนสำคัญที่ต้องตามตัวมาสอบปากคำให้ได้ คือ หนุ่ม เพชรบุรี ที่ทราบว่าเป็นญาติกับเสี่ยโจ้ และเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี โดยได้ประสานทางโทรศัพท์ไปแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เบื้องต้นได้ทำหนังสือเชิญตัวให้มาสอบปากคำแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ โดยจะส่งคณะทำงานลงพื้นที่ตามไปสอบปากคำภายหลัง พร้อมขอฝากไปถึงว่า ”ขอให้มาให้ข้อมูล“ เนื่องจากหนุ่ม เป็นคีย์แมนที่จะไขความกระจ่างในทุกเรื่องได้ และจะเป็นผลดี หากพบใครผิด ยินดีจะกวาดบ้านตัวเอง
ขณะที่จากแนวทางการสืบสวนพบความเชื่อมโยงคดีน้ำมันเถื่อนและคดีเรือน้ำมันเถื่อน มีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ต้องหา 4-5 คน ที่ตำรวจมีหลักฐานจะส่งให้ตำรวจ ปอศ. และอัยการ เพื่อขอออกหมายจับในสัปดาห์นี้ โดย 1 ในนั้นมี ”เสี่ยโจ้“ และจากเบาะแสล่าสุดพบอยู่ในพื้นที่กัมพูชา.-419-สำนักข่าวไทย
