กทม. 27 พ.ค. – สืบนครบาล รวบคู่หูโจรแสบ ก่อเหตุเหิมเกริม ตระเวนทุบกระจกรถฉกทรัพย์กลางกรุง สารภาพนำเงินซื้อยาเสพติด พบประวัติก่อคดีเพียบ
ตำรวจสืบนครบาลจับกุมตัวนายณธกร หรือต้น อายุ 40 ปี และนายวชรกร หรือเก่ง อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ฯ และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสาร, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบฯ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม” โดยจับกุมนายณธกร ได้ที่หน้าอู่ซ่อมรถ ซอยเทพลีลา 12 เขตวังทองหลาง พร้อมของกลาง 5 รายการ ได้แก่ แท่งเหล็กปลายสว่าน 2 แท่ง (ใช้สำหรับงัด/ทุบกระจกรถยนต์), โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ iPhone รุ่น 12 Pro Max 1 เครื่อง, อาวุธปืนแบลงค์กันพร้อมซองกระสุน 1 กระบอก และรถยนต์ Nissan รุ่น Fairlady 1 คัน ซึ่งเป็นรถผิดกฎหมาย ส่วนนายวชรกร จับกุมได้ที่อพาร์ตเมนต์ในซอยแจ่มจันทร์ เขตบึงกุ่ม โดยตรวจค้นพบยาเสพติดได้ 3 รายการ ได้แก่ ไอซ์ 6 ถุง น้ำหนักรวม 5.79 กรัม, ยาอี 0.55 กรัม และเคตามีน 0.85 กรัม
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ผู้เสียหายขับขี่รถยนต์ป้ายแดง มาจอดที่อาคารจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 23 จากนั้นเข้าไปสัมมนาภายในโรงแรมฯ จนกระทั่งช่วงเย็นกลับมาที่รถ ก็พบว่ากระจกรถประตูหลังด้านซ้ายถูกทุบจนแตกละเอียด และพบว่ากระเป๋าเป้สีดำ กระเป๋าคาดเอวสีน้ำเงิน และกระเป๋าสะพายที่วางอยู่เบาะหลัง หายไป โดยภายในกระเป๋าทั้งสามใบ มีทรัพย์สินคือ บัตรเครดิตหลายธนาคาร, เงินสดประมาณ 5,000 บาท หูฟังแอร์พอดโปร 5 อัน ราคา 6,990 บาท, สมุดบัญชีธนาคารหลายแห่ง บัตรประชาชน และเอกสารส่วนตัวอื่นๆ
ต่อมาผู้เสียหายได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางโทรศัพท์มือถือ แจ้งว่ามีการใช้บัตรเครดิตหลายครั้ง ดังนี้ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567 เวลา 15.13 น. มีการใช้บัตรเครดิต ไปใช้ที่ภายในห้างสรรพสินค้า แยก ลาดพร้าว-วังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร จำนวน 498 บาท เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567 เวลา 15.21 จำนวน 31,500 บาท และ เวลา 15.22 น. จำนวน 37,500 บาท ที่ร้านค้า สาขาวังหิน ถนนลาดพร้าววังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นร้านขายปลีกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์, เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567ฃ เวลา 16.27 น. จำนวน 97,800 บาท ที่ร้านขายโทรศัพท์ ภายในห้างสรรพสินค้า แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ต้องหาตามกฎหมายต่อไป
จากการซักปากคำ นายณธกร ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าได้ร่วมกับพวก คือนายวชรกร ก่อเหตุจริง ซึ่งตนเองทำหน้าที่ ตัวซ้อนรถและทุบกระจก นายวชรกรทำหน้าที่ คนขับขี่รถ โดยหลังก่อเหตุ ตนได้นำบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปรูดซื้อโทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง เพื่อนำไปขายต่อ เงินที่ได้จะนำไปซื้อยาเสพติดเพื่อเสพ ที่เลือกทุบรถ เพราะว่าสถานที่ดังกล่าวปลอดคน และมองเห็นสิ่งของมีค่าในรถได้ชัด ส่วนนายวชรกร ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าว แต่ให้การว่ารู้จักนายณธกร หรือต้น เนื่องจากเป็นเพื่อนกินเที่ยวด้วยกัน และรับว่ายาเสพติดที่ตรวจพบ เป็นของตนที่มีไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายจริง
ทั้งนี้จากการตรวจสอบในฐานระบบข้อมูล พบประวัติดังนี้
- ตรวจสอบประวัติของ นายณธกร หรือต้น ดังนี้
- ตัวการมี อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยมิได้อนุญาต (ครอบครองปืนไม่มีทะเบียน),ตัวการพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชน (สน.โคกคราม)
- ร่วมกันลักทรัพย์ (สน.คันนายาว)
- ร่วมกันลักทรัพย์ (สน.คันนายาว)
- ตรวจสอบประวัติของ นายวชกร หรือเก่ง ดังนี้
- มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (นอกเหนือจากแอลเอสดี หรือเมตแอมเฟตามีน) มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 3 กรัมขึ้นไป ( สภ.แก่งคอย จังหวัดสระบุรี )
จากนั้นได้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ฝากเตือนและห่วงใยประชาชน ปัญหาการถูกทุบกระจกรถขโมยทรัพย์สินเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบาดแพร่สะพัดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สร้างความเดือดร้อนทั้งต่อทรัพย์สินและการเสียเวลา ฉะนั้นฝากเตือนว่าควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของโจร ไม่จอดรถในที่เปลี่ยว ที่ไม่มีผู้คนผ่านไปมาหรือตามตรอกซอกซอยลึก เลี่ยงการจอดรถริมถนนยามค่ำคืน แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องจอดริมถนน ควรเลือกบริเวณที่มีแสงสว่างมากที่สุดและมีผู้คนสัญจรไปมา ไม่ทิ้งของมีค่าไว้ในรถ ถ้าคุณไม่สามารถเลือกที่จอดได้ และต้องรถในที่เปลี่ยวและมืด ไม่ควรทิ้งของมีค่าไว้ในรถ ทั้งคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป กล้องถ่ายรูป กระเป๋าราคาแพง และอื่นๆ เพราะจะล่อตาล่อใจโจรที่ตระเวนออกล่าเหยื่อ ทางที่ดีควรหยิบของมีค่าติดมือลงจากรถไปด้วย ติดสัญญาณกันขโมย ถึงแม้สัญญาณอาจจะไม่สามารถป้องกันการถูกลักทรัพย์ได้เต็ม 100% แต่ก็ยังช่วยชะลอการก่อเหตุหรืออาจทำให้โจรเตลิดหนีไปได้.-สำนักข่าวไทย