กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – หญิงวัย 44 ปี ร้อง ปปป. โดนตำรวจสืบสวนขับปาดหน้าเอาทรัพย์สินไป แจ้งความท้องที่เกิดเหตุนานร่วม 2 เดือน พยายามไกล่เกลี่ยแต่ไม่คืนทรัพย์-คดีไม่คืบ
ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นางธิติยา อายุ 44 ปี ชาว จ.นครนายก เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ยศสรัล ใจเสาร์ดี สว.(สอบสวน) บก.ปปป. แจ้งว่าเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2566 เวลาประมาณ 22.00 น. ตนเป็นพนักงานเสิร์ฟ เลิกงานจากร้านอาหาร ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน พบชายหัวเกรียนขับรถปิกอัพปาดหน้า อ้างเป็นตำรวจ บอกว่ารถจักรยานยนต์ที่ตนขี่เป็นรถต้องสงสัย โดยพยายามพาตนขึ้นรถไปด้วย แต่บังเอิญมีคนขับรถผ่านมาพอดี ชายดังกล่าวจึงหยิบกระเป๋าถือที่มีเงินพันกว่าบาท โทรศัพท์มือถือราคาหมื่นกว่าบาท และกุญแจรถจักรยานยนต์ของตน ขึ้นรถขับหนีไป ตนจึงเข็นรถจักรยานยนต์กลับไปขอความช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านพาเข้าแจ้งความ พงส.สภ.นาหินลาด ภ.จว.นครนายก เวลา 23.00 น.
เช้าวันรุ่งขึ้นมีตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.นาหอนลาด โทรติดต่อมาว่าจะพาตนไปไล่ภาพกล้องวงจรปิด ก่อนจะมีตำรวจ 2 นายนอกเครื่องแบบ พาตนขึ้นท้ายรถปิกอัพ สภ. ไปที่เทศบาลเกาะหวาย อ.ปากพลี จ.นครนายก เพื่อตรวจกล้องวงจรปิด ตนมองหน้าตำรวจ 1 ใน 2 นาย พบว่าหน้าเหมือนชายหัวเกรียนที่ชิงทรัพย์ของตนไป แต่ไม่ได้พูด แต่โทรไปบอกพี่สาว พี่สาวบอกเงียบๆ ไว้ เดี๋ยวโดนอุ้มไปฆ่าทิ้ง
เมื่อไปถึงเทศบาล ตรวจวงจรปิดพบมีภาพรถจักรยานยนต์ของตนขี่ผ่าน โดยมีรถปิกอัพคนร้ายขับตามจริง จากนั้นตำรวจสองนายพาตนกลับมาส่งบ้าน
หลังจากนั้นตำรวจสืบสวนคนที่หน้าคล้ายคนร้ายแอดไลน์ ทั้งแชทไลน์และโทรมาพูดคุยกับตนอยู่ตลอด 4 วัน ชักชวนไปเที่ยว แถมยังมาดักรอหน้าร้านอาหารที่ทำงานด้วย
ตนจึงเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ร้อยเวรเจ้าของคดีฟัง พยายามไกล่เกลี่ยให้ตนไม่เอาเรื่อง เพราะตำรวจคนที่ก่อเหตุเขาแอบชอบตน เมื่อร้องเรียนไปยังผู้บังคับบัญชา สภ.นาหินลาด ก็บอกให้ดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐาน
ทางพนักงานสอบสวนจัดให้ตนชี้ภาพรถปิกอัพและคนร้ายก็เอารถคันอื่นและคนอื่นมายืนแทน ซึ่งตนไม่ชี้ยืนยันว่าเป็นรถและคนร้ายที่ก่อเหตุ ก่อนจะเอาภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวมาให้ดูภายหลังตนถึงชี้ว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุในคืนดังกล่าว
นางธิติยา กล่าวว่า ตนถึงวันนี้ยังไม่ได้ทรัพย์สินทั้งหมดที่คนร้ายเอาไปเลย มีแต่คนอื่นติดต่อมาเจรจาขอเคลียร์ ไม่ให้ตนเอาความ เหตุการณ์ผ่านมาเกือบ 2 เดือน ไม่มีความคืบหน้า คงคิดว่าปล่อยให้เรื่องเงียบไปเอง วันนี้ตนจึงมาร้องขอความเป็นธรรม เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงต้องมาพึ่งกองปราบฯ วันนี้เอาเรื่องให้ถึงที่สุด เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.-สำนักข่าวไทย