27 พ.ค. – ทนายอนันต์ชัย ลุยยื่นอัยการสูงสุด จี้ให้ตรวจสอบอัยการสุราษฎร์ธานี เตะถ่วง “คดีเชื่อมจิต” พร้อมนำข้อมูลเด็ดมาเปิดเผยด้วย
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เดินทางยื่นหนังสือต่อนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายฯจังหวัดสุราษฎร์ธานี พฤติกรรมลักษณะละเว้นยกเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ไม่ให้ความช่วยเหลือพัฒนาสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในการยื่นคำร้องต่อศาลกรณีลัทธิเชื่อมจิตในการเข้าไปคุ้มครองดูแลเด็ก
โดยทนายอนันต์ชัย บอกว่า ต้องการให้อัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษากับ พม.จังหวัด เพราะที่ผ่านมา มีการยื่นคำร้องไว้กับศาล แต่มีการยกคำร้อง โดยที่เมื่อทวงถามถึงเหตุผล ได้รับคำตอบจาก พม. กลับมาว่า ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากฝ่ายอัยการ รวมถึงบอกด้วยว่าเหตุผลที่ยื่นมาไม่เข้าประเด็นในเรื่องของการคุ้มครองเด็ก ทำให้วันนี้ มายื่นขอให้อัยการสูงสุดช่วยเหลือ และสอบถามอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานีใน 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือ ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่เต็มที่หรือยัง และประเด็นที่ 2 นับตั้งแต่วันนี้อัยการฯ สุราษฎร์จะให้การช่วยเหลือ พม.ทั้งในการแนะนำและให้การช่วยเหลือดูแลด้านกฎหมายได้หรือไม่
นอกจากนี้ ทนายอนันต์ชัย ยังบอกด้วยว่า มีเรื่องที่น่าตกใจอยากบอกกับสังคม โดยย้อนกลับไปก่อนหน้าในช่วงที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พูดคุยกับเด็กลัทธิเชื่อมจิต แต่มีจังหวะหนึ่งแม่เด็กถามกับทางเจ้าหน้าที่ว่าน้องเป็นออทิสติกหรือไม่ ซึ่งประโยคดังกล่าว ทำให้หลายคนต่างอึ้งไปตามๆ กัน พร้อมกับตั้งคำถามว่า หากแม่สงสัยว่าลูกเป็นหรือไม่เป็น ทำไมไม่พาไปหาหมอ
ด้านประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงว่า เรื่องนี้สังคมจะต้องกลับไปดูสวัสดิภาพของเด็กคนหนึ่งที่กฎหมายกฎหมายจะสามารถดูแลยังไงบ้าง การใช้อำนาจของผู้ปกครองที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ ในกรณีนี้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปแยกอำนาจปกครองจากผู้ปกครองได้ตามกฎหมายกำหนด และหากมีการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สามารถยื่นต่อศาลเยาวชนฯ ให้เข้ามาดูแลคุ้มครองคุ้มครองเด็กได้ ส่วนข้อมูลที่ทนายอนันต์ชัย ระบุว่า พม.จังหวัด ยืนยันอัยการสุราษฎร์ไม่ให้คำแนะนำ ยืนยันไม่เป็นความจริง และกรณี พม.จังหวัดสุราษฎร์ ต้องการที่จะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลฯ เองโดยไม่ผ่านอัยการสุราษฎร์ธานี โดยกระบวนการนี้การยื่นคำร้องคุ้มครองสวัสดิการยังอยู่ในชั้นศาลฯ สำนักงานอัยการสูงสุดก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยว แต่ยืนยันว่าอัยการฯ ไม่ได้ยกเว้นหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ .-สำนักข่าวไทย