รวบนายหน้าหาบัญชีม้ารับโอนเงินแก๊งหลอกลงทุน

7 พ.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบนายหน้าหาบัญชีม้ารับโอนเงินแก๊งหลอกลงทุน ร่ำไห้เผยตั้งใจหนีกบดานปอยเปต แต่ทนคิดถึงบ้านไม่ไหว ก่อนโดนรวบคาบ้านเกิด


ตำรวจร่วมกันจับกุมนางสาวประกายแก้ว อายุ 25 ปี ตามหมายจับในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน โดยจับกุมได้บริเวณหน้าบ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2566 ผู้เสียหายได้เปิดเฟซบุ๊กก่อนไปเจอเพจ ใช้ชื่อว่า ห้องคุยนักลงทุน ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยเพจดังกล่าวเป็นการแนะนำการลงทุนการเทรดหุ้น ซึ่งได้รับผลตอบแทนที่สูง ผู้เสียหายจึงสนใจและได้มีการพูดคุยสอบถาม ต่อมาคนร้ายก็ได้ติดต่อผู้เสียหาย ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์โดยคนร้ายอ้างตัวปลอมเป็นอาจารย์ไพบูลย์ เสรีวัฒนา ด้วยการใช้ชื่อไลน์ว่า “รศ.ดร.ไพบูลย์” ใช้รูปหน้าโปรไฟล์เป็นรูปอาจารย์ไพบูลย์ จงใจให้เข้าใจว่าเป็นตัวจริง จากนั้นผู้เสียหายจึงติดต่อพูดคุยกับคนร้ายเรื่อยมา เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ต่อมาบุคคลดังกล่าวได้ชวนให้ผู้เสียหายลงทุนเทรดหุ้น โน้มน้าวจนผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไปยังบัญชีอื่นๆ อีกหลายครั้ง รวมทั้งหมด 4 บัญชี คิดเป็นเงินจำนวน 21,089,644.50 บาท ซึ่ง 1 ใน 4 บัญชีนั้น คือบัญชี นางสาวประกายแก้ว ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งจากการสืบสวนภายหลังพบว่า ยังมีการโอนเงินจำนวนดังกล่าวกระจายต่อไปยังบัญชีม้าอีก 16 บัญชี


ต่อมาวันที่ 8 ก.ค.2566 ผู้เสียหายประสงค์ที่จะขอถอนเงินที่ลงทุนไว้ แต่คนร้ายกลับแจ้งว่าให้โอนเงินค่าดำเนินการจำนวน 40% จากเงินที่ผู้เสียหายจะได้รับ จึงทำให้ทราบว่าตนเองน่าจะถูกหลอก ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้าย ต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลออกหมายจับนางสาวประกายแก้ว รวมถึงเจ้าของบัญชีปลายทางที่รับเงินโอนอีก 16 บัญชี
จากการสืบสวน พบว่าหลังจากนางสาวประกายแก้ว ได้รับเงินโอนจากผู้เสียหายก็ได้ทำการปิดบัญชีและหลบหนีไปยังปอยเปต ประเทศกัมพูชา

ต่อมาตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม (กก.2 บก.ป.) จึงเร่งติดตามและออกสืบสวนเพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ ก่อนจะทราบว่านางสาวประกายแก้ว ได้กลับบ้านเกิด ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบ ก่อนจะพบตัวผู้ต้องหา จึงเข้าแสดงตัวพร้อมแสดงหมายจับ ก่อนนำตัวมาทำบันทึกการจับกุมตัวที่ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้นได้ส่งตัวไปยังพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การว่า ไม่ได้รู้เรื่องหลอกลวงหรือไปโกงใคร ก่อนหน้านี้ตนเองว่างงาน ต่อมาได้มีพรรคพวกที่อยู่ปอยเปต ประเทศกัมพูชาแนะนำให้มาเปิดบัญชีธนาคาร ได้รับค่าจ้างเปิดบัญชีละ 3,000 บาท และหากจัดหาบัญชีม้าเพิ่มได้อีกจะให้ค่าจ้างอีก 1,000 บาทต่อบัญชี โดยมีการชักชวนคนรอบข้างและคนรู้จักให้เปิดบัญชีธนาคารอีกด้วย พร้อมบอกทั้งน้ำตาว่าตนไม่อยากหนีไปไหน เพราะทนคิดถึงบ้านไม่ไหว จึงตัดสินใจกลับบ้านเกิด. -419-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้