ชายตกท่อบนเกาะกลางถนนเสียชีวิต

กรุงเทพฯ 3 พ.ค.-เกิดเหตุสลด! ชายตกลงไปในท่อบนเกาะกลางถนน ปากซอยลาดพร้าว 49 เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงค้นหา ก่อนพบเสียชีวิตอยู่ภายในท่อลึก 15 เมตร


เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ ได้รับแจ้งเหตุมีชาย ไม่ทราบชื่อ พลัดตกลงไปในท่อระบายน้ำของกรุงเทพมมหามหานคร ที่อยู่บริเวณเกาะกลางถนนป้ายรถไฟฟ้า BTS สายสีเหลือง ช่วงบริเวณซอยลาดพร้าว 49 เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิปอเต็กตึ้ง เร่งทำการค้นหา โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จนพบร่างผู้เสียชีวิต นอนอยู่ภายในท่อระบายน้ำลึกประมาณ 15 เมตร หรือความสูงเทียบเท่าตึก 2-3 ชั้น การกู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ และผู้เชี่ยวชาญเพื่อลงไปนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมา

นายโอ๊ะชัย แสงพล พนักงานเทศกิจสำนักงานเขตวังทองหลาง และนางสาวยุวดี บุญพิทักษ์ พนักงานรักษาความสะอาด เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองกำลังปฏิบัติงานเทศกิจดูแลความเรียบร้อยบริเวณตลาดสะพาน 2 ใกล้ปากซอยลาดพร้าว 49 ก็เห็นชายคนหนึ่งความสูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างท้วม กำลังข้ามถนนจากฝั่งตรงข้ามตลาด จะข้ามมายังฝั่งตลาด แต่เมื่อถึงบริเวณเกาะกลางถนน ชายคนดังกล่าวตกลงไปต่อหน้าต่อตา ตัวเองกับทีมเทศกิจอีก 2 คน จึงวิ่งไปดู พบว่าชายคนดังกล่าวตกบ่อร้อยสายไฟ ความลึกกว่า 10 เมตร เมื่อมองลงไป ก็เห็นชายคนดังกล่าวผงกหัวขึ้นมา ก่อนจะจมหายลงไปในน้ำอีกครั้ง เพื่อนเทศกิจของตนจะลงไปช่วย แต่ตนเองห้ามไว้ เพราะขั้นบันไดที่จะลงไปในท่อมีเพียง 3 ขั้น และบ่อลึกมาก ประกอบกับไม่มีอุปกรณ์เลย เกรงจะได้รับอันตราย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ


นายอมรรัตน์ จันจรัส เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เล่าว่า จุดเกิดเหตุมีลักษณะเป็นท่อที่มีเพียงฝาไม้อัดทรงกลมปิดไว้ และมีดินปลูกต้นไม้เกาะกลางถนนไหลลงมากลบปิดไว้ ทำให้คนที่ตกอาจมองไม่เห็นท่อ เมื่อเหยียบไม้อัดดังกล่าวก็หัก และตกลงไปด้านล่าง ซึ่งเมื่อวัดความลึกของท่อ มีความลึกไม่ต่ำกว่า 15 เมตร และเจ้าหน้าที่มองไม่เห็นผู้ที่ตกลงไปแล้ว ต้องส่งทีมกู้ภัยของมูลนิธิโรยตัวลงไปตามหา

ส่วนไม้อัดทรงกลมปิดฝาท่อนั้น นอกจากท่อที่เกิดเหตุ ใกล้กันยังมีท่ออีกจุด เจ้าหน้าที่ได้พลิกฝาไม้อัดขึ้น เพื่อเปิดช่องทางลงไปช่วยเหลือ ส่วนไม้อัดดังกล่าว ผู้สื่อข่าวลองวัดความหนาดู พบว่ามีความหนาประมาณ 1.3 เซนติเมตรเท่านั้น

เจ้าหน้าที่กู้ภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง เปิดเผยว่า จากการสำรวจพบว่าท่อดังกล่าวมีความลึกกว่า 10 เมตร โดยระดับน้ำภายในท่อมีความลึก 2 เมตร โดยภายในท่อระบายน้ำไม่มีจุดพักทำให้ผู้ที่ผลัดตกลงไปตกน้ำโดยทันที จากการสำรวจยังพบอีกว่าภายในท่อระบายน้ำจุดที่พบร่างผู้เสียชีวิต มีอากาศเข้าออกซิเจนอยู่ที่ร้อยละ 20 ซึ่งถือว่าเบาบาง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจและอุปกรณ์โรยตัว เขาช่วยเหลือ โดยทำการเปิดฝาท่อที่ห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปประมาณ 2 เมตร นำพัดลมเป่าลมเข้าเพื่อให้มีอากาศภายในท่อ จากนั้นนำเครื่องติดตั้งสลิงแบบเคลื่อนที่ กางขาติดตั้งไว้บริเวณเหนือบ่อ โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยพร้อมถังออกซิเจนลงไปตรวจหาผู้ที่ผลัดตกบริเวณด้านล่างของท่อดังกล่าว หลังใช้เวลาลงไปตรวจสอบ 10 นาที เจ้าหน้าที่ได้พบร่างผู้ประสบเหตุได้เสียชีวิตในลักษณะนอนหงายอยู่ภายใต้ก้นบ่อ จากนั้นได้ใช้เบาะผูกศพ ก่อนใช้สลิงดึงร่างผู้เสียชีวิต นำขึ้นมาตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย อายุประมาณ 55-60 ปี รูปร่างอ้วน สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ค้นในตัวไม่พบเอกสาร มีเพียงกุญแจบ้าน 1 พวง จากนั้นจึงนำศพส่ง สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ


ส่วนสาเหตุที่คาดว่าน่าจะทำให้ผู้ผลัดตกลงไปหมดสติ อาจจะเกิดจากการกระแทกขอบปูน หรือเกี่ยวกับสายเคเบิล ทำให้มีอาการจุกและจมน้ำเสียชีวิต แต่จากการสอบถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มาถึงเหตุคนแรก บอกว่าตอนมาถึงที่เกิดเหตุผู้ที่พลัดตกลงไปยังมีเสียงร้องขอความช่วยเหลืออยู่ ก่อนจะสิ้นสุดเสียงดังกล่าวไปและพบว่าหมดสติ ส่วนสาเหตุการตายที่แท้จริงต้องรอแพทย์ชันสูตรพลิกศพเพื่อยืนยันถึงสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง

ด้าน ผกก.สน.โชคชัย 4 เปิดเผยว่า จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำ เนื่องจากยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจุดเกิดเหตุอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใด เบื้องต้นได้นำฝาท่อในจุดที่เกิดเหตุซึ่งเบื้องต้นเป็นป่าไม้อัด นำส่งพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ พร้อมกับสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าข่ายกระทำการโดยประมาทหรือไม่ โดยเบื้องต้นได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำแผงเหล็กมาปิดกั้นบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อนขึ้นอีก

ทั้งนี้ ทาง รฟม.ได้ระบุว่าบริเวณดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง แต่เป็นการดำเนินงานของหน่วยงานสาธารณูปโภคหน่วยงานอื่น. -420 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่น้ำท่วมหลายชุมชน ปิดน้ำตก 3 แห่ง

เชียงใหม่ 26 พ.ค.-เชียงใหม่ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง เกรงจะเกิดอันตราย ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ น้ำท่วมหลายชุมชน ระบายน้ำไม่ทัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ฝนตกหนัก ทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงลำห้วย ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ เชียงใหม่ สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง ทั้งน้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอก อำเภอแม่ริม และน้ำตกหมอกฟ้า อำเภอแม่แตง เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีสีแดงขุ่น กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้น้ำป่าบนดอยสุเทพ ไหลหลากลงลำห้วยมาตามทางระบายน้ำและไหลลงลำคลองคูไหว ทำให้เอ่อล้น จนระบายน้ำไม่ทัน เข้าท่วมขังในชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนฟ้าใหม่ ชุมชนกาดก้อม ระดับน้ำท่วมขังสูง 30-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ประชาชนและร้านค้าได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับนักเรียนกำลังเดินทางไปเรียน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเทสบาลนครเชียงใหม่ กำลังเร่งสูบระบายน้ำอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 25 พ.ค.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย

กว่า 130 ชม. ภารกิจสำเร็จ! กู้ร่างคนงานตกหลุมเสาเข็ม

กทม. 25 พ.ค.- ภารกิจสำเร็จ! ทีมกู้ภัยนำร่าง “นายดาว” คนงานพลัดตกหลุมเสาเข็ม ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขึ้นมาด้านบนสำเร็จ หลังใช้เวลาปฏิบัติการกว่า 130 ชั่วโมง ความคืบหน้ากรณีนายศราวุฒิ หรือ นายดาว อายุ 33 ปี ชาวศรีสะเกษ คนงานที่พลัดตกลงไปในหลุมเสาเข็มความลึก 19 เมตร บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 6 และ 8 แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้คาดพิกัดที่อาจพบร่างผู้เสียชีวิตที่ระดับความลึก 11.5 เมตร ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 24 พ.ค. บริเวณซอยหลานหลวง 8 เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย USAR และมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังคงพยายามเร่งค้นหาเพื่อกู้ร่างนายศราวุฒิ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี […]

“บังยา บองหลาคิงส์” รุดจับแม่งูจงอาง ไล่ฉกชาวบ้านวิ่งป่าราบ

สงขลา 25 พ.ค.- ชาวสวนยางสงขลา ผวา! แม่งูจงอางหวงไข่ดุมาก ไล่ฉกเจ้าของสวนวิ่งป่าราบ ต้องหยุดกรีดยาง ร้อนถึง “บังยาบองหลาคิงส์” ราชางูจงอางภาคใต้ ต้องมาช่วยจับ บังยา บองหลาคิงส์ ราชางูจงอางของภาคใต้ ตีรถด่วนจาก จ.กระบี่ มาช่วยจับงูจงอางนอนฟักไข่เฝ้ารังอยู่ในป่าสวนยาง พื้นที่บ้านควนยาง หมู่ 9 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสวนยางของนายปรีชา อายุ 46 ปี ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนมาก ไม่กล้าไปกรีดยางเพราะมีแม่งูจงอางมานอนฟักไข่เฝ้ารังติดกับต้นยาง ครั้งแรกที่ไปเจอตอนไปกรีดยางเมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เกือบโดนฉกมาแล้วเพราะเข้าไปใกล้รัง จนต้องวิ่งหนีสุดชีวิต หลังจากนั้นก็ไม่กล้าขึ้นไปกรีดยางอีกเลย จนต้องแจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง บังยา บองหลาคิงส์ ให้มาช่วยจับ เมื่อทีมงานบังยา บองหลาคิงส์ มาถึงก็ต้องเดินเท้าขึ้นไปที่ป่าสวนยาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร เมื่อไปถึงก็พบแม่งูจงอางตัวนี้นอนอยู่บนรังไม่ไปไหน และดุมากชูคอฉกตลอดเวลาหากเข้าใกล้ บังยาต้องหลอกล่ออยู่สักพักก็อาศัยจังหวะความนิ่งใช้มือเปล่าล็อกคอเอาไว้ได้ เป็นแม่งูสาวน่าจะท้องแรกหรือท้องสอง ยาวเกือบ 3 เมตร และเมื่อรื้อรังดูก็มีไข่อยู่ในรัง 28 ฟองและอีกไม่เกิน 10 […]

ข่าวแนะนำ

รวบเจ้าของหอพักโหดย่านรังสิต ข้อหากรรโชกทรัพย์

ปทุมธานี 28 พ.ค. – ตำรวจปทุมธานี บุกรวบเจ้าของหอพักย่านรังสิต พร้อมครอบครัว ข้อหากรรโชกทรัพย์ หลังมีนักศึกษาแจ้งความร้องทุกข์ว่า เจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกาย ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจปทุมธานี นำหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ลงวันที่ 27 พ.ค. ในข้อหากรรโชกทรัพย์ เข้าจับกุม พ.ต.อ.พูลศักดิ์ อายุ 64 ปี นางพัชรียา อายุ 56 ปี และนางสาวพูลชนก อายุ 28 ปี ที่หอพักใน 7 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี จากกรณีมีนักศึกษากว่า 20 ราย เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต และเจ้าหน้าที่ สคบ. ว่าเจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกายนักศึกษา ยึดเอกสารหลักฐานทางราชการ ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน บางจังหวะการจับกุมจะเห็นได้ว่ามีการโต้เถียงกันและมีการขัดขืน แต่สุดท้ายต้องยอมจำนนต่อหมายจับ พล.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า ตำรวจขอหมายจับจากศาลไป 3 […]

คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสี อบต.เกาะสะท้อน อส.-ครู เจ็บ 4

นราธิวาส 28 พ.ค. – คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสีต้านยาเสพติด อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้อาสาสมัครรักษาดินแดนบาดเจ็บ 3 คน ครูบาดเจ็บ 1 คน ส่วนเหตุคนร้ายยิงใส่ป้อมหน้า สภ.จะแนะ ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย เจ็บ 1 นาย เจ้าหน้าที่เร่งไล่ล่าคนร้าย คนร้ายชุดสีดำเดินถือปืนเข้ามาในลานกีฬาเซปักตะกร้อ งานแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด อบต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จากนั้นรัวยิงชุดแรก 4 นัด คนที่ร่วมแข่งขันพากันวิ่งหลบหนี จากนั้นคนร้ายรัวยิงอีก 3 นัด ซึ่งภาพหลุดจากวิถีกล้องไปแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่และหน่วยงานความมั่นคงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ 4 คน ประกอบด้วย 1.นายสุกรี ครูโรงเรียนบ้านเกาะสะท้อน 2.อาสารักษาดินแดนฮัมดานุดดีน 3.อาสารักษาดินแดนมุสลิม และนายไซนุดดิน ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลตากใบ สอบสวนทราบว่าคนร้าย 6 คน ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ 3 คัน ขี่เข้ามาโดยปะปนกับประชาชน และก่อเหตุยิงผู้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดจนมีผู้บาดเจ็บ หลังเกิดเหตุนายอำเภอตากใบลงพื้นที่เยี่ยมผู้บาดเจ็บ […]

นายกฯ ยกหูคุย “ฮุน มาเนต” คลี่คลายเหตุปะทะชายแดน

รัฐสภา 28 พ.ค.- นายกฯ รับทราบเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เผยยกหูคุยตรง “นายกฯ ฮุน มาเนต” ให้สถานการณ์คลี่คลายเร็วที่สุด ปัดตอบกรณี “ทักษิณ” ประกาศสงครามกับว้าแดง-สถานการณ์ใต้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางออกจากอาคารรัฐสภา ในเวลา 17.40 น. ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยไทย-กัมพูชา บริเวณด่านช่องบก จ.อุบลราชธานี ว่า ได้รับรายงานแล้ว และจะมีการพูดคุยกันของผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ส่วนตนเองได้พูดคุยกับกระทรวงกลาโหมแล้ว ซึ่งเดี๋ยวก็คงมีข้อตกลงกันออกมา ขณะเดียวกัน ตนเองก็ได้มีการพูดคุยกับ พลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วย ไม่มีอะไร ซึ่งมีความเข้าใจตรงกันว่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงโดยเร็วที่สุด และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อีก ส่วนจะมีการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีสองประเทศหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ของตนเองกับนายกฯ กัมพูชา ก็เป็นไปได้ด้วยดี เมื่อถามว่า กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศสงครามกับว้าแดง เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด รัฐบาลมีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่ะ ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ในวันนี้ […]

ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคาม หลังพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดน

กองทัพอากาศ 28 พ.ค.- ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคามต่อประเทศ หลังตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.03 น. กองทัพอากาศได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง จากหน่วยบิน กองบิน 4 ปฏิบัติภารกิจการบินป้องกันทางอากาศ วิ่งขึ้นจากสนามบินตาคลี หลังหน่วยควบคุมอากาศยานและแจ้งเตือน ตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เครื่องบินต้องสงสัยลำดังกล่าว เป็นอากาศยานสมรรถนะสูงแบบ YAK-130 มีทิศทางบินมุ่งเข้าสู่เขตแดนไทยในระยะใกล้ กองทัพอากาศ จึงสั่งการบินพิสูจน์ทราบและแสดงท่าทีป้องปราม ตามมาตรการปกติ เพื่อเฝ้าระวังและยืนยันสถานการณ์ จากการติดตามพบว่า เครื่องบินดังกล่าวได้เปลี่ยนทิศทางและออกจากเขตใกล้ชายแดนไทย ในเวลา 13.16 น. โดยไม่แสดงพฤติกรรมรุกราน หรือมีเจตนาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด “กองทัพอากาศ ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจปกติในการเฝ้าระวังป้องกันน่านฟ้า ซึ่งกองทัพอากาศดำเนินการอย่างเข้มแข็งและสม่ำเสมอ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ สร้างความปลอดภัย และความมั่นใจให้แก่ประชาชน” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว ทั้งนี้ […]