กรุงเทพฯ 2 เม.ย. – ผบช.สตม.สั่งการเข้ม ระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนเทศกาลสงกรานต์ เปิดปฏิบัติการฟ้าสางพื้นที่มีนบุรี รวบแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย 23 ราย
พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. รับนโยบายนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบหลักของ สตม. โดยสั่งการและกำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวน เน้นการบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2567 พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 ได้จัดให้มีพิธีปล่อยแถวเพื่อระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่บริเวณถนนข้าวสาร และสั่งการให้ดำเนินการตามนโยบาย ผบช.สตม.ในการ X-RAY พื้นที่เสี่ยงโดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในสังกัด กก.สืบสวน บก.ตม.1 สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่จากกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และ กอ.รมน.กทม. รวมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 40 นาย ประชุมวางแผนเพื่อเข้าตรวจสอบบุคคลต่างด้าวหลายสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็น กัมพูชา เมียนมาร์ ลาว และเวียดนาม ที่พักอาศัยอยู่บริเวณจุดต่างๆ ในซอยเจริญพัฒนา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ซึ่งได้รับการร้องเรียนและแจ้งเบาะแสจากประชาชน ทั้งทางช่องทางสื่อกระแสหลัก และโซเชียลมีเดีย ว่ากลุ่มแรงงานข้ามชาติจำนวนมากใช้เป็นที่พักอาศัย และรอรับการว่าจ้างให้ใช้แรงงานในกิจการก่อสร้างหารายได้แบบรายวัน
ต่อมาวันนี้ (2 เม.ย.) เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบตามจุดต่างๆ ในซอยเจริญพัฒนาโดยพร้อมเพรียงกัน ตั้งแต่ช่วงแยกเจริญพัฒนา เรื่อยมาจนถึงตลาดเช้ากลางซอย ในระหว่างตรวจสอบกลุ่มคนต่างด้าว ทั้งกลุ่มที่เป็นแรงงานผิดกฎหมาย และกลุ่มที่มีเอกสารถูกต้อง ต่างตกใจวิ่งหนี บางส่วนวิ่งไปหลบซ่อนตัวตามป่ารกข้างทาง เจ้าหน้าที่ต้องกระจายกำลังวิ่งไล่ติดตาม จนสามารถจับกุมตัวได้บางส่วน ปฏิบัติการดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ จึงสามารถควบคุมตัวคนต่างด้าวไว้ได้ทั้งสิ้น 23 คน มาตรวจสอบจำแนกโดยละเอียดอีกครั้งโดยใช้รถบรรทุกควบคุมผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่ได้เตรียมไว้ ผลการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่าส่วนใหญ่เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 22 คน สัญชาติลาว 1 คน แบ่งเป็นความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” 16 คน และ ความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” 7 คน ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และผลักดันออกนอกราชอาณาจักรต่อไป
สตม.ขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทุกท่านทราบว่า บุคคลต่างด้าวทุกสัญชาติที่เข้ามาในราชอาณาจักร นอกจากจะต้องเข้ามาตามช่องทางอนุญาตตามกฎหมายและได้รับการตรวจลงตราโดยถูกต้องแล้ว ยังมีหน้าที่ที่จะต้องแจ้งที่พักอาศัยต่อเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และหากประสงค์จะทำงานในประเทศไทยจะต้องดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตจะมีความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 มีโทษปรับสูงสุดถึง 100,000 บาท ในส่วนของเจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองเคหสถานยังมีหน้าที่ในการแจ้งต่อ สตม. เมื่อมีบุคคลต่างด้าวเข้ามาพักอาศัยในสถานที่ที่อยู่ในความดูแลของตน ซึ่ง สตม.จะมีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามคนต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งนี้หากผู้ใดให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้ผู้กระทำความผิดพ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จะมีความผิดตามมาตรา 64 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี หากประชาชนพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th. -416-สำนักข่าวไทย