ขุดเจอชั้นทรายต้นเหตุถนนพระราม 2 ทรุด

กรุงเทพฯ 6 ม.ค. – เหตุถนนพระราม 2 ทรุดตัว ขุดเจอชั้นทรายต้นเหตุอุโมงค์ส่งน้ำของการประปารั่วไหลจนทำให้ถนนทรุดตัว เร่งตรวจสอบชั้นหน้าดินใหม่ทั้งหมด


สืบเนื่องจากกรณีช่วงเย็นวานนี้ (5 ม.ค. 2567) ได้เกิดเหตุถนนทรุดตัว บริเวณถนนพระราม 2 ช่วงหน้าปั๊มน้ำมันซัสโก้ ถนนกาญจนาภิเษก ฝั่งมุ่งหน้าต่างระดับ พระราม 2 แขวงคลองบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเหตุดังกล่าวเกิดจากโครงการก่อสร้างของการประปานครหลวง โดยการขุดเจาะด้านล่างใต้ผิวดินมีปัญหา ทำให้ดินในอุโมงค์ทรุดตัวและไหลออกจนทำให้ถนนยุบตัว เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากกรมทางหลง และ การประปานครหลวง ต้องคอยตรวจสอบทุกครึ่งชั่วโมง เพื่อประเมินสถานการณ์ จนถึงช่วงเช้า จุดที่ถนนทรุดตัวนั้น ได้ทรุดทั้งหมด 4 เลน เป็นช่องทางคู่ขนาน 2 เลน และช่องทางหลัก 2 เลน ทำให้รถวิ่งได้แค่ช่องทางหลักขวาสุด 2 เลนเท่านั้น


ช่วงสายวันนี้ นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม ได้รับมอบหมายจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ลงพื้นที่มาตรวจสอบหน้างาน ก่อนเปิดเผยว่า ในเบื้องต้นสาเหตุของเหตุการณ์ถนนยุบตัวครั้งนี้ เกิดจากทางการประปานครหลวงขุดอุโมงค์ส่งน้ำตามโครงการก่อสร้างของการประปานครหลวง ระยะแรก ในจุดถนนกาญจนาภิเษกไปยังถนนกัลปพกฤษ์ ระยะทาง 1.3 กิโลเมตร ความลึกราว 30 เมตร จากเดิมที่คาดการณ์ว่า เป็นประเภทดินเหนียว แต่ข้อเท็จจริงแล้ว มีดินทรายอยู่ด้วย จึงทำให้ชิ้นส่วนของผนังก่อสร้างอุโมงค์ แตก 1 ชิ้นส่วน จากทั้งหมด 5 ชิ้นส่วน หลังจากนั้น จึงมีน้ำและทรายไหลเข้ามายังอุโมงค์ขุดเจาะ ซึ่งระหว่างการขุดไปขุดเจอชั้นทราย ทำให้ทรายไหลลงมากองอยู่ในอุโมงค์ ส่งผลให้ถนนยุบตัวลงราว 60 เซนติเมตร

เบื้องต้นจากรายงานไม่มีคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่หากท่านไหนได้รับความเดือดร้อนจากกรณีถนนยุบครั้งนี้ สามารถติดต่อไปได้ที่การประปานคนหลวง พร้อมยินดีรับผิดชอบและเยียวยาชดใช้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย

ทั้งนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของการประปานครหลวงถึงวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ได้ข้อมูลว่า หลังจากนี้จะต้องตรวจสอบชั้นหน้าดินใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง ก่อนจะขุดต่อ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหา จะเร่งฟื้นฟูถนนแบบชั่วคราวให้เสร็จภายในภายในวันนี้ พร้อมทั้งจะสำรวจปรับปรุงถนนให้ใช้ได้อย่างถาวร โดยจะวางแผนการซ่อมแซมถนนไม่ให้กระทบกับพี่น้องประชาชน ในเบื้องต้นจะซ่อมแซมในช่วงกลางคืน และจะปิดถนน 4 ชั่วโมงต่อวัน


นอกจากนี้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก “ประชาสัมพันธ์กระทรวงคมนาคม” ได้ให้ข้อมูลว่า หลังจากนี้จะทำการสำรวจงานทั้งโครงการอีกครั้ง เพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพผิวถนนให้กลับมาใช้ได้อย่างถาวรต่อไป กรมทางหลวงได้ให้วิศวกรและผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ตรวจสอบขั้นตอน วิธีการก่อสร้างของงานโครงการดังกล่าวว่าเป็นไปตามแบบที่ กปน. ได้ขออนุญาตไว้หรือไม่ และให้เจ้าหน้าที่ กปน. ดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบตามหลักวิศวกรรมต่อไป

ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคม ยังได้เตรียมส่งหนังสือสั่งการถึงแนวทางการป้องกันและมาตรการต่าง ๆ ด้านความปลอดภัยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยทุกโครงการต้องมีการสำรวจสภาพดินอีกครั้ง ดังนั้น ประชาชนจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้