“อัจฉริยะ” พาเหยื่ออ้างถูกลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” อุ้มร้องอัยการ

กรุงเทพฯ 29 มิ.ย. – หักกันแรง! “อัจฉริยะ” พาเหยื่ออ้างถูกลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” อุ้มเป็นพยานคดีตบทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้าน ร้องศูนย์ป้องกันปราบปรามอุ้มหาย ตลิ่งชัน ขณะที่ตำรวจย้อนเกล็ด นำหมายจับจะเข้าควบคุมตัวเหยื่อสาวที่ “อัจฉริยะ” พามา จนอัยการต้องออกมาขอให้เหยื่อให้ถ้อยคำก่อน แล้วค่อยไปจับกุมกันด้านนอกพื้นที่ สนง.อัยการ


นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาเหยื่อที่อ้างว่าถูกลูกน้องของ “บิ๊กโจ๊ก” หรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อุ้มไปเป็นพยานในคดี พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กับพวก ร่วมกันรีดเงินผู้ต้องหาในคดีพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท มาที่อาคารสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนบรมราชชนนี เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หลังอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ “พ.ร.บ.อุ้มหาย”

โดยนายอัจฉริยะ ได้นำหลักฐาน ทั้งภาพถ่าย และคลิปวิดีโอที่เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการแจ้งความเท็จ ยัดข้อหาให้กับ น.ส.โบว์ ซึ่งผู้ที่เป็นคนแจ้งความ คือ ตำรวจที่เป็นหนึ่งในทีมคณะทำงานของบิ๊กโจ๊ก ยศร้อยตำรวจเอก ที่มีส่วนร่วมในขบวนการรีดทรัพย์แก๊งพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท แล้วไม่ถูกดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหา แต่กลับเป็นคนไปแจ้งให้ข้อมูลกับตำรวจว่า น.ส.โบว์ มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด


โดยหลักฐานดังกล่าวเป็นหลักฐานเท็จที่อ้างว่า น.ส.โบว์ โอนเงินให้กับบุคคลหนึ่ง เป็นเงินเกือบ 1 แสนบาท ทั้งที่จริงแล้ว น.ส.โบว์ ไม่ได้มีการโอนเงินอะไรทั้งสิ้น และนายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่า การที่ ร.ต.อ. ยินยอมให้การเท็จ เพื่อแลกกับตำแหน่งสารวัตรจราจร และขบวนการดังกล่าวทั้งหมดนั้น เป็นการฟอกขาวให้กับนายเป้ และพวก ที่เป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังแฉต่อว่า ที่ผ่านมา บิ๊กโจ๊ก พยายามพูดมาตลอดว่าจะทำความจริงให้ปรากฏ แต่เมื่อเพื่อนร่วมรุ่นตัวเอง ลูกน้องตัวเอง กระทำความผิดหลายอย่าง กลับไม่มีการดำเนินคดีอะไร ตนเองขอเป็นตัวแทนตำรวจกว่า 2 แสนคนทั่วประเทศ ที่เป็นผู้เสียหายว่า บิ๊กโจ๊กไม่ให้ความเป็นธรรม แต่กลับเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องในการกระทำความผิด รวมถึงตนยังมีหลักฐานที่พบว่า คนสนิทของบิ๊กโจ๊ก อักษรย่อ ด. เป็นคนพานายบอย หนึ่งในผู้ต้องหาคดี 140 ล้าน หลบหนีไปยังประเทศสิงคโปร์อีกด้วย ซึ่งหลักฐานดังกล่าว ถ้าบิ๊กโจ๊กอยากเห็นก็มาขอดูส่วนตัวกับตนได้ พร้อมจะเปิดเผยให้ดู และหลังจากนี้ตนจะไปแจ้งความกับ ปปป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ร.ต.อ. ในข้อหาแจ้งความเท็จ และบอกอีกว่า บิ๊กโจ๊กมีความพยายามในการฟอกขาวนายเป้ ทั้งที่นายเป้เป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ที่ทำร่วมกับนายชีพ มีเงินหมุนเวียนในเว็บพนันกว่า 1,000 ล้านบาท/เดือน ซึ่งนายอัจฉริยะได้นำหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายของนายเป้ ที่กำลังเซ็นยอมรับว่าเป็นเจ้าของเว็บพนันจริง

ขณะที่ น.ส.โบว์ ผู้เสียหาย บอกว่า วันนี้เธอมาร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการฯ หลังเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา มีตำรวจ 3 นาย เข้ามาที่บ้านในพื้นที่ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ในขณะที่เธอกำลังนอนป่วยเป็นเนื้องอกในมดลูก ขนาด 9 คูณ 10 อยู่ในบ้าน ซึ่งตอนนั้นสามีพิการที่นอนอยู่ด้วยกันได้สะกิดเท้าเรียก เพราะเห็นตำรวจทั้ง 3 นายเข้ามา โดยเธอยอมรับว่า รู้สึกงงและตกใจมาก เพราะตำรวจทั้ง 3 นาย ไม่มีหมายค้น หมายจับ หรือหมายใดๆ เข้ามาแสดงเลย เพียงแต่บอกว่า “มาขอความร่วมมือ” ก่อนพาเธอไปที่ สภ.บ้านนาสาร และอยู่ที่โรงพักนานถึง 9 ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นสภาพร่างกายของเธอย่ำแย่มาก เพราะเลือดไหลออกมาตลอดเวลา


น.ส.โบว์ ระบุว่า เธอเองสิ้นสุดงานเป็นสายลับให้กับตำรวจชุด ศปอส.ภ.จว.ชลบุรี แล้ว หลังได้รับมอบหมายหาข้อมูลลับให้กับตำรวจชุดดังกล่าว ก่อนเซ็นลงบันทึกประจำวันและลงเบอร์โทรศัพท์ไว้ว่า ข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อเท็จจริงและข้อมูลแน่นขึ้น วันนี้พอต้องกลายเป็นเหยื่อและกำลังจะถูกออกหมายจับด้วย ก็รู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม ทั้งที่เธอไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ในคดี 140 ล้านบาท แต่ตำรวจชุดที่เข้าไปที่บ้าน ซึ่งเป็นชุดลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พยายามให้เซ็นเอกสารกว่า 100 แผ่น และพยายามสอบถามว่า รู้จักคนนั้นคนนี้หรือไม่ ซ้ำร้ายยังเอาโทรศัพท์ของเธอไปดูกันหลังฉาก เพื่อดึงข้อมูลในโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุด เกี่ยวข้องกับการทำงาน เป็นข้อมูลลับ และเกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินด้วย สุดท้ายเธอต้องเซ็นยินยอมทุกอย่าง เพราะถ้าไม่เซ็นยืนยัน เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับไปดูลูกหรือไม่ อีกทั้งสามีพิการก็ต้องมานั่งเฝ้า เพราะกลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัย

นอกจากนี้ยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบบุกมาที่บ้าน เพื่อทำลายกล้องวงจรปิดที่บ้าน ในช่วงที่เธอหนีขึ้นไปอยู่ที่เชียงใหม่ และยังมีรถสีดำติดฟิล์มทึบ ขับผ่านในลักษณะคุกคามและข่มขู่ เธอจึงอยากมาขอความเป็นธรรมในวันนี้ โดยเธอไม่คิดว่าตำรวจชุดดังกล่าวจะดึงข้อมูลที่เธอได้มาฆ่าเธอในวันนี้ พร้อมยืนยันว่า เธอไม่เคยโอนเงินให้ใคร และไม่รู้จักนายเป้ หรือทีมงานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับนายเป้ พร้อมยอมรับว่า ทีมงานตำรวจดังกล่าวได้พูดข่มขู่ด้วยว่า “รู้ไหมพี่ทำคดีอะไรมาเยอะแยะ นั่งโกหกพี่มา 4-5 ชั่วโมง รู้ไหมคดีผู้การชลบุรี พี่ก็ทำ”

ด้านนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับหนังสือร้องเรียนแล้ว ในขั้นตอนต่อไป คณะทำงานศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย กรุงเทพมหานคร จะพิจารณารายละเอียด และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ตามขั้นตอนของกฎหมาย ถ้าคณะทำงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย จะมีบทกำหนดความผิดอยู่ประมาณ 5-6 ฐาน สำหรับกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้หน่วยงานมีอำนาจสอบสวนความผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย ทั้งหมด 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานอัยการสูงสุด

ทั้งนี้ ถ้าผู้เสียหายเชื่อว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย จะต้องแจ้งพนักงานอัยการทันที แต่ไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลาว่าจะต้องแจ้งภายในเวลาเท่าใด

สำหรับกรณีดังกล่าว ทางคณะทำงานฯ จะเร่งดำเนินการในทันที แต่ทั้งนี้ยังต้องพิจารณาเงื่อนไขอีกหลายส่วน ในนามสำนักงานอัยการสูงสุด และพนักงานอัยการทั่วประเทศ เราได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับกฎหมายฉบับนี้มาตั้งแต่ก่อนที่กฎหมายจะบังคับใช้แล้ว วันนี้ก็ต้องขอบคุณที่ได้มอบความไว้ใจให้สำนักงานอัยการสูงสุด ตนจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายในทันที โดยจะมอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการฯ พิจารณาเรื่องนี้ เพื่อเสนอพิจารณาดำเนินการทันที

ขณะเดียวกัน ระหว่างที่แถลงข่าว มีตำรวจนอกเครื่องแบบหลายนายเดินวนเวียนอยู่ในบริเวณที่มีการแถลงข่าวด้วย ก่อนจะนำหมายจับพยานมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เพื่อจับกุมตัวเหยื่อที่นายอัจฉริยะพามา แต่ถูกอัยการสั่งเบรก ขอให้พยานให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ก่อน โดยขอให้ตำรวจไปรอจับด้านนอกพื้นที่สำนักงานอัยการฯ

หลังจากพบพนักงานอัยการแล้ว นายอัจฉริยะ พร้อม น.ส.โบว์ ได้ออกมาแสดงตัวและขอให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว โดยมีการท้าทายว่า ขอให้แสดงหมายจับและควบคุมตัวไป หากไม่จับจะเดินทางไปที่ สน.คูคต ด้วยตัวเอง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ทำการจับกุม เนื่องจากอยู่ในเขตพื้นที่หน่วยงานราชการ นายอัจฉริยะจึงพา น.ส.โบว์ เดินออกไปบริเวณด้านนอกรั้วของสำนักงานอัยการฯ ตรงบริเวณจุดรอรถโดยสารสาธารณะ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่แสดงตัวจับกุมและควบคุมตัว น.ส.โบว์ ในข้อหาร่วมกันเล่นการพนัน และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อนคุมตัวไปที่ สน.คูคต โดยมีนายอัจฉริยะเดินทางไปด้วย ซึ่งทาง น.ส.โบว์ บอกว่า ไม่รู้สึกอะไร เพราะตนเองไม่ได้กระทำผิด และไม่ได้เล่นการพนัน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย