“อัจฉริยะ” พาเหยื่ออ้างถูกลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” อุ้มร้องอัยการ

กรุงเทพฯ 29 มิ.ย. – หักกันแรง! “อัจฉริยะ” พาเหยื่ออ้างถูกลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” อุ้มเป็นพยานคดีตบทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้าน ร้องศูนย์ป้องกันปราบปรามอุ้มหาย ตลิ่งชัน ขณะที่ตำรวจย้อนเกล็ด นำหมายจับจะเข้าควบคุมตัวเหยื่อสาวที่ “อัจฉริยะ” พามา จนอัยการต้องออกมาขอให้เหยื่อให้ถ้อยคำก่อน แล้วค่อยไปจับกุมกันด้านนอกพื้นที่ สนง.อัยการ


นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาเหยื่อที่อ้างว่าถูกลูกน้องของ “บิ๊กโจ๊ก” หรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อุ้มไปเป็นพยานในคดี พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กับพวก ร่วมกันรีดเงินผู้ต้องหาในคดีพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท มาที่อาคารสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนบรมราชชนนี เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หลังอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ “พ.ร.บ.อุ้มหาย”

โดยนายอัจฉริยะ ได้นำหลักฐาน ทั้งภาพถ่าย และคลิปวิดีโอที่เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการแจ้งความเท็จ ยัดข้อหาให้กับ น.ส.โบว์ ซึ่งผู้ที่เป็นคนแจ้งความ คือ ตำรวจที่เป็นหนึ่งในทีมคณะทำงานของบิ๊กโจ๊ก ยศร้อยตำรวจเอก ที่มีส่วนร่วมในขบวนการรีดทรัพย์แก๊งพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท แล้วไม่ถูกดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหา แต่กลับเป็นคนไปแจ้งให้ข้อมูลกับตำรวจว่า น.ส.โบว์ มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด


โดยหลักฐานดังกล่าวเป็นหลักฐานเท็จที่อ้างว่า น.ส.โบว์ โอนเงินให้กับบุคคลหนึ่ง เป็นเงินเกือบ 1 แสนบาท ทั้งที่จริงแล้ว น.ส.โบว์ ไม่ได้มีการโอนเงินอะไรทั้งสิ้น และนายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่า การที่ ร.ต.อ. ยินยอมให้การเท็จ เพื่อแลกกับตำแหน่งสารวัตรจราจร และขบวนการดังกล่าวทั้งหมดนั้น เป็นการฟอกขาวให้กับนายเป้ และพวก ที่เป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังแฉต่อว่า ที่ผ่านมา บิ๊กโจ๊ก พยายามพูดมาตลอดว่าจะทำความจริงให้ปรากฏ แต่เมื่อเพื่อนร่วมรุ่นตัวเอง ลูกน้องตัวเอง กระทำความผิดหลายอย่าง กลับไม่มีการดำเนินคดีอะไร ตนเองขอเป็นตัวแทนตำรวจกว่า 2 แสนคนทั่วประเทศ ที่เป็นผู้เสียหายว่า บิ๊กโจ๊กไม่ให้ความเป็นธรรม แต่กลับเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องในการกระทำความผิด รวมถึงตนยังมีหลักฐานที่พบว่า คนสนิทของบิ๊กโจ๊ก อักษรย่อ ด. เป็นคนพานายบอย หนึ่งในผู้ต้องหาคดี 140 ล้าน หลบหนีไปยังประเทศสิงคโปร์อีกด้วย ซึ่งหลักฐานดังกล่าว ถ้าบิ๊กโจ๊กอยากเห็นก็มาขอดูส่วนตัวกับตนได้ พร้อมจะเปิดเผยให้ดู และหลังจากนี้ตนจะไปแจ้งความกับ ปปป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ร.ต.อ. ในข้อหาแจ้งความเท็จ และบอกอีกว่า บิ๊กโจ๊กมีความพยายามในการฟอกขาวนายเป้ ทั้งที่นายเป้เป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ที่ทำร่วมกับนายชีพ มีเงินหมุนเวียนในเว็บพนันกว่า 1,000 ล้านบาท/เดือน ซึ่งนายอัจฉริยะได้นำหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายของนายเป้ ที่กำลังเซ็นยอมรับว่าเป็นเจ้าของเว็บพนันจริง

ขณะที่ น.ส.โบว์ ผู้เสียหาย บอกว่า วันนี้เธอมาร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการฯ หลังเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา มีตำรวจ 3 นาย เข้ามาที่บ้านในพื้นที่ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ในขณะที่เธอกำลังนอนป่วยเป็นเนื้องอกในมดลูก ขนาด 9 คูณ 10 อยู่ในบ้าน ซึ่งตอนนั้นสามีพิการที่นอนอยู่ด้วยกันได้สะกิดเท้าเรียก เพราะเห็นตำรวจทั้ง 3 นายเข้ามา โดยเธอยอมรับว่า รู้สึกงงและตกใจมาก เพราะตำรวจทั้ง 3 นาย ไม่มีหมายค้น หมายจับ หรือหมายใดๆ เข้ามาแสดงเลย เพียงแต่บอกว่า “มาขอความร่วมมือ” ก่อนพาเธอไปที่ สภ.บ้านนาสาร และอยู่ที่โรงพักนานถึง 9 ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นสภาพร่างกายของเธอย่ำแย่มาก เพราะเลือดไหลออกมาตลอดเวลา


น.ส.โบว์ ระบุว่า เธอเองสิ้นสุดงานเป็นสายลับให้กับตำรวจชุด ศปอส.ภ.จว.ชลบุรี แล้ว หลังได้รับมอบหมายหาข้อมูลลับให้กับตำรวจชุดดังกล่าว ก่อนเซ็นลงบันทึกประจำวันและลงเบอร์โทรศัพท์ไว้ว่า ข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อเท็จจริงและข้อมูลแน่นขึ้น วันนี้พอต้องกลายเป็นเหยื่อและกำลังจะถูกออกหมายจับด้วย ก็รู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม ทั้งที่เธอไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ในคดี 140 ล้านบาท แต่ตำรวจชุดที่เข้าไปที่บ้าน ซึ่งเป็นชุดลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พยายามให้เซ็นเอกสารกว่า 100 แผ่น และพยายามสอบถามว่า รู้จักคนนั้นคนนี้หรือไม่ ซ้ำร้ายยังเอาโทรศัพท์ของเธอไปดูกันหลังฉาก เพื่อดึงข้อมูลในโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุด เกี่ยวข้องกับการทำงาน เป็นข้อมูลลับ และเกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินด้วย สุดท้ายเธอต้องเซ็นยินยอมทุกอย่าง เพราะถ้าไม่เซ็นยืนยัน เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับไปดูลูกหรือไม่ อีกทั้งสามีพิการก็ต้องมานั่งเฝ้า เพราะกลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัย

นอกจากนี้ยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบบุกมาที่บ้าน เพื่อทำลายกล้องวงจรปิดที่บ้าน ในช่วงที่เธอหนีขึ้นไปอยู่ที่เชียงใหม่ และยังมีรถสีดำติดฟิล์มทึบ ขับผ่านในลักษณะคุกคามและข่มขู่ เธอจึงอยากมาขอความเป็นธรรมในวันนี้ โดยเธอไม่คิดว่าตำรวจชุดดังกล่าวจะดึงข้อมูลที่เธอได้มาฆ่าเธอในวันนี้ พร้อมยืนยันว่า เธอไม่เคยโอนเงินให้ใคร และไม่รู้จักนายเป้ หรือทีมงานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับนายเป้ พร้อมยอมรับว่า ทีมงานตำรวจดังกล่าวได้พูดข่มขู่ด้วยว่า “รู้ไหมพี่ทำคดีอะไรมาเยอะแยะ นั่งโกหกพี่มา 4-5 ชั่วโมง รู้ไหมคดีผู้การชลบุรี พี่ก็ทำ”

ด้านนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับหนังสือร้องเรียนแล้ว ในขั้นตอนต่อไป คณะทำงานศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย กรุงเทพมหานคร จะพิจารณารายละเอียด และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ตามขั้นตอนของกฎหมาย ถ้าคณะทำงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย จะมีบทกำหนดความผิดอยู่ประมาณ 5-6 ฐาน สำหรับกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้หน่วยงานมีอำนาจสอบสวนความผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย ทั้งหมด 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานอัยการสูงสุด

ทั้งนี้ ถ้าผู้เสียหายเชื่อว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย จะต้องแจ้งพนักงานอัยการทันที แต่ไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลาว่าจะต้องแจ้งภายในเวลาเท่าใด

สำหรับกรณีดังกล่าว ทางคณะทำงานฯ จะเร่งดำเนินการในทันที แต่ทั้งนี้ยังต้องพิจารณาเงื่อนไขอีกหลายส่วน ในนามสำนักงานอัยการสูงสุด และพนักงานอัยการทั่วประเทศ เราได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับกฎหมายฉบับนี้มาตั้งแต่ก่อนที่กฎหมายจะบังคับใช้แล้ว วันนี้ก็ต้องขอบคุณที่ได้มอบความไว้ใจให้สำนักงานอัยการสูงสุด ตนจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายในทันที โดยจะมอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการฯ พิจารณาเรื่องนี้ เพื่อเสนอพิจารณาดำเนินการทันที

ขณะเดียวกัน ระหว่างที่แถลงข่าว มีตำรวจนอกเครื่องแบบหลายนายเดินวนเวียนอยู่ในบริเวณที่มีการแถลงข่าวด้วย ก่อนจะนำหมายจับพยานมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เพื่อจับกุมตัวเหยื่อที่นายอัจฉริยะพามา แต่ถูกอัยการสั่งเบรก ขอให้พยานให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ก่อน โดยขอให้ตำรวจไปรอจับด้านนอกพื้นที่สำนักงานอัยการฯ

หลังจากพบพนักงานอัยการแล้ว นายอัจฉริยะ พร้อม น.ส.โบว์ ได้ออกมาแสดงตัวและขอให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว โดยมีการท้าทายว่า ขอให้แสดงหมายจับและควบคุมตัวไป หากไม่จับจะเดินทางไปที่ สน.คูคต ด้วยตัวเอง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ทำการจับกุม เนื่องจากอยู่ในเขตพื้นที่หน่วยงานราชการ นายอัจฉริยะจึงพา น.ส.โบว์ เดินออกไปบริเวณด้านนอกรั้วของสำนักงานอัยการฯ ตรงบริเวณจุดรอรถโดยสารสาธารณะ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่แสดงตัวจับกุมและควบคุมตัว น.ส.โบว์ ในข้อหาร่วมกันเล่นการพนัน และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อนคุมตัวไปที่ สน.คูคต โดยมีนายอัจฉริยะเดินทางไปด้วย ซึ่งทาง น.ส.โบว์ บอกว่า ไม่รู้สึกอะไร เพราะตนเองไม่ได้กระทำผิด และไม่ได้เล่นการพนัน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ถกเหตุ “ภูเก็ต-พังงา” ขอมั่นใจทุกหน่วยงานดูแลอย่างดี

ทำเนียบ 27 มิ.ย.- นายกฯ เรียก ผบ.ตร.-ผบช.ทท.-ปลัดท่องเที่ยว รายงานสถานการณ์ลอบวางระเบิด “ภูเก็ต-พังงา” ขอประชาชน-นักท่องเที่ยวมั่นใจทุกหน่วยงานดูแลอย่างดี ขณะที่ “ภูมิธรรม” เรียกหน่วยงานความมั่นคงถกช่วงบ่าย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความภายหลังเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) และน.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าจากสถานการณ์ที่มีความพยายามวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต-พังงา วันนี้ (27 มิ.ย.) ดิฉันได้เชิญท่าน ผบ.ตร. ท่านผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และท่านปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ดังกล่าว โดยได้รับรายงานจากทุกภาคส่วนว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ก่อความวุ่นวายในพื้นที่เพื่อให้เกิดความไม่สงบ ดิฉันได้ย้ำทุกภาคส่วนให้มีการสืบสวนติดตามสถานการณ์นี้มาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ดำเนินทุกมาตรการความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดแก่พี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตามค่ะ รัฐบาลจะไม่ประมาท ทางสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ จะดำเนินการติดตามและยกระดับการทำงานต่อไปอย่างเข้มงวด โดยในช่วงบ่ายวันนี้ ทางท่านรองนายกฯ ภูมิธรรม จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์ เฝ้าระวัง และเร่งออกมาตรการที่เด็ดขาดต่อไป ในนามรัฐบาล ดิฉันขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนมั่นใจว่าทุกหน่วยงานจะดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ทำหน้าที่นี้ด้วยความตั้งใจ เสียสละ […]

“ชัยเกษม” ลั่นหากจำเป็น พร้อมเป็นนายกฯ เพื่อชาติบ้านเมือง

27 มิ.ย. – “ชัยเกษม” ลั่นพร้อมทำเพื่อชาติ หากจำเป็นต้องทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตอนนี้แข็งแรง ไม่มีปัญหา ท่ามกลางกระแสการเมืองร้อนแรง ปมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ทำให้บุคคลที่ถูกจับตามองตอนนี้ คือ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ อาจถูกมองว่ามีปัญหาด้านสุขภาพแต่ล่าสุด มีภาพนายชัยเกษม โชว์สวิงออกรอบตีกอล์ฟ แสดงให้เห็นถึงร่างกายที่แข็งแรง ล่าสุด เจ้าตัวได้เปิดเผยในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ทางช่อง 9 MCOT HD ว่า “ตอนนี้แข็งแรง เรียบร้อยหมดทุกอย่าง เพราะก้อนเลือดที่ท้ายทอย สลายไปหมดแล้ว ชีวิตก็ปกติ ไม่มีปัญหา ตอนไปพบหมอครั้งล่าสุด หมอก็บอกว่าโชคดีมหาศาลที่หายแล้ว เมื่อวานไปตีกอล์ฟได้สบายเลย ตอนนี้สุขใจ สบายใจแล้ว” เมื่อถามว่า พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายชัยเกษม ตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องให้เป็นหรอก ถ้าเลี่ยงได้ ก็ให้คนอื่นเขาทำเถอะ ผมทำมาเยอะแล้ว แต่ถ้าจำเป็นก็ได้เพราะไม่มีอะไร แต่อย่าให้จำเป็นเลย คนอื่นก็มีเยอะแยะ […]

แม่ทัพภาคที่ 2 ปัดให้ความเห็น “ฮุนเซน” ไลฟ์พาดพิง

ทำเนียบ 27 มิ.ย.-แม่ทัพภาคที่2 ปัดให้ความเห็น “ฮุนเซน” ไลฟ์พาดพิง บอกเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องจัดการเอง ยันขอทำหน้าที่ของตนเอง ไม่เคยหวั่นไหว ชี้สถานการณ์ชายแดน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง​ ไม่ถึงขั้นใช้อาวุธ​ ขอรอกัมพูชาตัดสินใจร่วมวงเจรจา RBC เชื่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา จบก่อนเกษียณ พลโทบุญสิน​ พาด​กลาง​ แม่ทัพ​ภาค​ที่​ 2 กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ไลฟ์พาดพิงประเทศไทยได้รับรายงานเรื่องนี้แล้วหรือไม่ ว่า คงเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ตนก็ติดตามอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีและทีมงานที่ต้องไปแก้ไข ส่วนกองทัพก็ดูแลเรื่องของความมั่นคง พื้นที่ตามชายแดนเป็นหลัก​ เมื่อถามถึงสถานการณ์ชายแดนขณะนี้เป็นเช่นไร​ พลโทบุญสิน​ กล่าวว่า เราก็ตรึงกำลังอยู่ ส่วนทางกัมพูชาก็ยังไม่ได้มีการถอนกำลังออกจากพื้นที่ เพื่อรอความชัดเจนจากทั้งสองประเทศ แต่อย่างไรก็ต้องยึดตามนโยบายของผู้นำทั้ง 2 ประเทศเช่นกัน ว่าจะคุยกันอย่างไรต่อ ส่วนทหารก็ต้องทำหน้าที่ของทหารต่อไป คือการควบคุมกำกับดูแลตามแนวชายแดน ให้เป็นปกติดีที่สุด เมื่อถามว่าได้รับสัญญาณบวกจากทางกัมพูชาบ้างหรือไม่ พลโทบุญสิน​ ระบุว่า ก็ดีมีการพูดคุยกันตลอด มีสัญญาณบวกตั้งแต่การปรับกำลังที่ช่องบก​ อำเภอน้ำยืน​ จังหวัดอุบลราชธานี แต่รอการเจรจาระหว่างผู้นำ 2 ประเทศ ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุนเซน มีการเปลี่ยนตำแหน่งเป็นเสนาธิการทหารสูงสุด […]

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย