เร่งลบประวัติอาชญากร คืนชีวิตให้ผู้บริสุทธิ์

ท่าพระจันทร์ 27 มิ.ย.- “บิ๊กโจ๊ก” เร่งลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชนที่ตกเป็นผู้ต้องหา หรือ จำเลยในคดีต่างๆ หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือ ศาลพิพากษายกฟ้อง แต่บางส่วนยังมีประวัติค้างอยู่ในฐานข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากร ทำให้ถูกตัดโอกาสการทำงานและเริ่มต้นชีวิตใหม่


ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(ท่าพระจันทร์) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าว “การเปลี่ยนแปลงระบบทะเบียนประวัติอาชญากร เพื่อคุ้มครองผู้บริสุทธิ์”

โดยผู้ช่วยศาสตรจารย์ ดร. ปริญญา กล่าวว่า ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 เมื่อมีการกระทำผิดในคดีอาญาเกิดขึ้น เบื้องต้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องหา หรือ จำเลย ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา แต่กลับกันในทางปฏิบัติ เมื่อผู้ก่อเหตุถูกแจ้งดำเนินคดี จะมีการพิมพ์ลายนิ้วมือจัดเก็บเพื่อลง ไว้ในฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากร เลย แต่ต่อมาเมื่ออัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องหรือศาลพิพากษายกฟ้อง กลับไม่ได้นำรายชื่อของผู้ต้องหาหรือจำเลยออกจากทะเบียนประวัติอาชญากรโดยอัตโนมัติ แต่สถานีตำรวจเจ้าของคดีต้องรายงานผลคดีมายังกองทะเบียนประวัติอาชญากรเพื่อคัดรายชื่อออก เป็นรายบุคคล ทำให้เกิดปัญหาล่าช้า เพราะในแต่ละปีมีคดีอาญาเกิดขึ้นประมาณ 800,000 คดี แต่มีการลบชื่อออกจากระบบได้เพียงปีละ 100,000 คดี เท่านั้น และจากข้อมูล ที่ผ่านมาทำให้มีข้อมูลของบุคคลที่ยังไม่ถูกลบ หรือ ถอด ออกจาก ทะเบียนประวัติอาชญากรประมาณ 13 ล้านคน ปัญหาที่เกิดขึ้น จึงกระทบต่อสิทธิ์ ของประชาชน ผู้บริสุทธิ์ และ เสียโอกาสในการสมัครงาน เพราะยังมีรายชื่อติด ในระบบทะเบียนประวัติอาชญากร ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ ศูนย์นิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ หารือและแก้ไขระเบียบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ พ.ศ.2566 และมีการประกาศ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 และมีผลบังคับใช้แล้ว เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา


ทั้งนี้ระเบียบฉบับ นี้มีการแก้ไขปรับปรุงการจัดเก็บประวัติบุคคลออกเป็น 3 ระเบียบ เช่น เมื่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญา แต่ยังไม่ถูกฟ้องต่อศาล หรือ มีการฟ้องต่อศาล แต่คดียังไม่ถึงที่สุด จะมีการพิมพ์มือลงบันทึกในทะเบียนประวัติผู้ต้องหา ห้ามเปิดเผยเว้นแต่ใช้ในเพื่องานสืบสวนสอบสวน งานสมัครเข้ารับราชการงานสำนักพระราชวัง แต่เมื่อใดที่บุคคลนั้นถูกศาลพิพากษาคดีถึงที่สุด โดยศาลลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือรอการลงโทษ หรือมีโทษปรับ หรือกักขัง รวมถึงกระทำผิดโดยประมาท กระทำผิดในลักษณะเป็นภัยต่อสังคม การพิมพ์มือ จะเปลี่ยน จากการลงทะเบียนประวัติผู้ต้องหามาเป็นลงทะเบียนประวัติ ผู้กระทำความผิดที่มิใช่อาชญากร แต่เมื่อบุคคลใด ถูกศาลพิพากษา ถึงที่สุดว่ากระทำความผิด โดยลงโทษจำคุกเกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป โดยไม่รอการลงโทษ ยกเว้นการกระทำผิดโดยประมาท การลงทะเบียนประวัติ ผู้ต้องหาจะถูกเปลี่ยนมาเป็นทะเบียนประวัติอาชญากรทันที

ด้าน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หลังจากระเบียบนี้มีผลบังคับใช้แล้ว 1 เดือน ตำรวจสามารถลบรายชื่อในทะเบียนประวัติอาชญากรได้แล้วกว่า 10 ล้านคน เหลือประมาณ 3.7 ล้านคน รายที่คดียังไม่สิ้นสุด ถือเป็นการคืนสิทธิ์ให้กับประชาชนอย่างแท้จริง โดยประชาชนสามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรของตัวเองได้ที่โรงพักทั่วประเทศ และหลังจากนี้หากศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง หรืออัยการสั่งไม่ฟ้องคดีแล้ว กองทะเบียนประวัติอาชญากรจะส่งเอกสารไปยังโรงพักทั่วประเทศ เพื่อให้สายตรวจนำเอกสารไปแจ้งให้ประชาชนถึงบ้าน ปัจจุบันได้แจ้งไปแล้วประมาณ 600,000 ราย นอกจากนี้ ตำรวจอยู่ระหว่างการจัดทำเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบรายชื่อประวัติอาชญากรของตัวเองได้ด้วยตัวเองคาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังจะยังคงเก็บข้อมูลบางส่วนของกลุ่มที่มีการกระทำความผิดซ้ำ เป็นคดีที่เกี่ยวกับเพศ อาชญากรต่อเนื่อง หรือเกี่ยวกับความมั่นคง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจ แต่จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ยืนยันว่าไม่เป็นการกระทบสิทธิ์ของประชาชนอย่างแน่นอน


สำหรับประชาชน ที่ได้รับการลบประวัติอาชญากรตามระเบียบใหม่ ได้กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ สามารถสมัครงานได้ตามที่ตัวเองต้องการไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือเดินทางไปต่างประเทศ จึงถือว่าเป็นโครงการที่ดี และเชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยลดการก่ออาชญากรรมซ้ำซ้อนได้แน่นอน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

จับแล้ว “เกม” มือยิงยัดถังถ่วงอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดเหตุสะเทือนขวัญ พบศพถูกยัดใส่ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร โยนทิ้งในอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ จ.นครสวรรค์ วันนี้จับผู้ต้องหาได้แล้ว จากเหตุสยองอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เมื่อมีผู้พบศพชายปริศนา ถูกยัดอยู่ภายในถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร ลอยอยู่ใกล้กับตลิ่ง เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจ สภ.ตะคร้อ ต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อหาคำตอบให้กับเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมนี้ เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน และมีร่องรอยถูกยิงด้วยปืนลูกซอง จากการตรวจสอบในถังพลาสติกยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ ถุงปุ๋ย และกระเป๋าสะพายข้าง ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถค้นหาและทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจุฑาเพชร หรืออ้วน อายุ 44 ปี ที่รับจ้างทำไร่ในพื้นที่ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี จากการสืบสวนและแกะรอยจากกล้องวงจรปิดมานานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้พบว่านายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจสอบรถกระบะและห้างนาของนายเกม ยิ่งพบหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้ว่านายเกมคือคนร้าย […]

ตั้ง 2 ประเด็น เหตุบุกยิง ครู-อส. งานแข่งตะกร้อ

นราธิวาส 29 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเหตุคนร้ายยิงถล่ม สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส คาดผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้านภรรยาตำรวจที่เสียชีวิต ร่ำไห้ทำใจไม่ได้ ส่วนเหตุบุกยิง ครู-อส. กลางงานแข่งตะกร้อ จนท.ตั้ง 2 ปมก่อเหตุ “ปัญหาส่วนตัว-ความมั่นคง” จากเหตุคนร้ายลอบยิงตำรวจขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ที่สถานีตำรวจภูธรจะแนะ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และยิงใส่ป้อมรักษาการประตู กระทั่งเกิดการยิงตอบโต้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 15 นาที จนกลุ่มผู้ก่อเหตุหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง อายุ 30 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และสิบตำรวจเอก เจษฎา พรหมรัตน์ อายุ 33 ปี บาดเจ็บสาหัส เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านตำรวจที่เสียชีวิต เป็นสถานที่จัดงานให้ชาวบ้านมาร่วมทำบุญและแสดงความเสียใจกับครอบครัว หลังนำร่าง ส.ต.อ.อับดุลเลาะ ประกอบพิธีฝังศพที่กูโบร์บ้านบาเร๊ะบาโร๊ะ เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 พ.ค.) นางสาวนุชฮูดา […]

ทางออก 3 ข้อ ไทย-กัมพูชา ตกลงร่วมคลี่คลายสถานการณ์ช่องบก

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เช้าวานนี้ (28 พ.ค.) บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 2 แม้ไม่มีการปะทะเพิ่มเติม แต่เจ้าหน้าที่ยังตรึงกำลังแน่นหนา ส่วนชาวบ้านในพื้นที่เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการอพยพ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่การแก้ปัญหาที่สำคัญคือ ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศได้คุยกันแล้ว เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้ข้อสรุป 3 ข้อ.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]