กทม. 27 พ.ค.-“ทนายเดชา” รับเป็นทนายให้ “รพี ชำนาญเรือ” สู้คดี “แอม ไซยาไนด์” ฟ้องหมิ่นประมาท ด้าน “รพี” เตรียมร้องสภาทนายความ สอบมรรยาททนาย “ทนายพัช” วันจันทร์นี้
นายรพี ชำนาญเรือ ผู้เปิดเรื่องคดีก้อยและประสานงานช่วยเหลือผู้เสียหายในคดีแอม ไซยาไนด์ เข้าพบ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เพื่อขอความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย หลังถูกทนายความของแอม ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท กรณีไปให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่ง โดยกล่าวหาว่าตนไปกล่าวหาแอมและพูดจาโกหกในคดีก้อยจนทำให้ตำรวจหัวปั่น และเกิดความเข้าใจผิด
ซึ่งล่าสุด ทนายเดชา ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายความของ นายรพี เรียบร้อยแล้ว เพื่อต่อสู้คดีหมิ่นประมาท โดย ทนายเดชา บอกว่า คดีนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่ควรต้องถูกฟ้องหมิ่นประมาท เพราะประเด็นที่ นายรพีไปพูดในรายการเป็นเรื่องความจริง และจากการสอบถาม พ.ต.ต.มานพ น้ำประสานไทย รอง ผกก.สส.สภ.บ้านโป่ง ตำรวจผู้รับผิดชอบคดี ก็ยืนยันว่าโดนหลอกจริง มีหลายประเด็นที่แอมให้การไม่ตรงกับความเป็นจริง และในวันจันทร์ที่ 29 พ.ค.นี้ จะนำพยานหลักฐานไปยื่นต่อศาล เพื่อต่อสู้คดีหมิ่นประมาท ซึ่งมีทั้งคลิปเสียง รายงานต่างๆและความคืบหน้าการดำเนินคดีของตำรวจ พร้อมย้ำว่า นายรพีเป็นผู้รับมอบอำนาจจากแม่ของก้อยผู้เสียชีวิต จึงมีสิทธิ์ที่จะแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ในรายการต่างๆ เพราะถือว่าเป็นตัวแทนของผู้เสียหาย ทั้งนี้ถ้าไตร่สวนแล้วผลเป็นเท็จ นายรพีจะฟ้องกลับแอมเช่นกัน
ขณะเดียวกัน นายรพี ยังเตรียมไปยื่นคำร้องต่อนายกสภาทนายความฯ ในวันจันทร์นี้ ขอให้ดำเนินการตรวจสอบมรรยาททนาย และมีคำสั่งพักใบอนุญาต ทนายความ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ “ทนายพัช” ทนายความของแอม ด้วย 10 ข้อร้องเรียน ได้แก่ 1. ข่มขู่ ปิดปากใช้เทคนิคทางด้านกฎหมายเล่นงานผม ปิดปากผม เอาความเท็จมาฟ้องร้องผมที่ศาลอาญารัชดา ให้ได้รับโทษทางอาญา 2.ให้สัมภาษณ์ข่มขู่ตำรวจซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สืบค้นหาความจริง หาคนร้ายเพื่อจะนำไปสู่ศาลให้ตัดสิน ข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องมาตรา 157 ผ่านสื่อมวลชนและจะฟ้องบิ๊กโจ๊กกับพวกว่า ขู่บังคับให้แอมรับสารภาพ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่สุจริต 3.ให้สัมภาษณ์รายการทีวีในลักษณะพฤติกรรมพูดไปหัวเราะไปในลักษณะเยาะเย้ยญาติผู้เสียชีวิตในรายการ และเยาะเย้ยตำรวจเหมือนประมาณว่า ไม่มีหลักฐานเอาผิดแอมได้ และยังใช้คำพูดเยาะเย้ยว่า 84 วันส่งฟ้องไม่ทัน เดี๋ยวจะพาแอมออกไปช้อปปิ้ง อันเป็นการสบประมาทตำรวจ ทำนองว่า ทำผิดแล้วเอาตัวมาลงโทษไม่ได้// 4.ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทีวี ว่าแอมไม่ได้เป็นท้าวแชร์ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นท้าวแชร์ 5.ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเหมือนกับตนอยู่ในที่เกิดเหตุ รู้ทุกเรื่อง เหมือนกับผู้ต้อง เกินหน้าที่ของความเป็นทนาย โดยไม่เกรงใจผู้เสียหายที่นั่งอยู่ในรายการโหนกระแส 6.ตั้งคำถามถึงตำรวจว่าสารไซยาไนด์ที่คันเจอเอามาจากไหน ยัดมาหรือไม่ (ดูหมิ่นศักดิ์ศรีตำรวจ) 7. มีการแสดงความคิดเห็นว่าญาติของผู้เสียหายอุปทานหรือมโนไปเองว่าที่เสียชีวิตหลายราย เป็นเพราะโดนแอมวางยา (ตัวเองรู้อยู่แก่ใจว่าศาลได้ออกหมายจับแล้ว แสดงว่ามีพยานหลักฐานตามสมควร) 8.ถูกตำรวจดำเนินคดีทำลายหลักฐาน ช่วยผู้ต้องหาให้พ้นผิด 9.ไม่เคยแสดงความเสียใจกับญาติผู้สูญเสีย 14 ราย ที่เป็นคดีที่เกิดขึ้น 10.ข่มขู่จะฟ้องสื่อมวลชนและญาติผู้เสียหาย สร้างความหวาดกลัวให้กับญาติคนตายที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม สื่อ พิธีกร ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม.-สำนักข่าวไทย