กทม. 8 พ.ค.- ผู้เสียหายจากการนำรถยนต์ไปจำนำในเฟซบุ๊กกับ “เจ้พลอย ชลบุรี” จ่ายเงินคืนครบแล้วไม่ได้รถคืนกว่า 100 คัน ร้องขอให้ ผบ.ตร. ช่วยเร่งรัดคดี หลังถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพล และคดีไม่คืบหน้านานกว่า 1 ปี
เวลา 10.30 น. กลุ่มผู้เสียหายกว่า 10 คน นำหลักฐานการจำนำรถยนต์กับเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งในจังหวัดชลบุรี มาร้องเรียนต่อพล ตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ช่วยเร่งรัดคดี หลังจากให้กอบปราบปราม และท้องที่ที่รับแจ้งความ เช่น สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี ดำเนินคดีมาเกือบ 1 ปีแล้ว คดียังไม่คืบหน้า ยังมีรถยนต์บางส่วนที่ผู้เสียหายนำไปจำนำไว้ จ่ายเงินคืนครบแล้ว แต่กลับยังไม่ได้รถคืน เกรงว่าจะมีการนำรถชำแหละชิ้นส่วน หรือส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน
นางสาวอุ้ม หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่ามีผู้เสียหายกว่า 400 คน ที่เข้าไปจำนำรถยนต์ในเพจดังกล่าว โดยเพจนี้มี “เจ้พลอย” เป็นเจ้าของ เมื่อใครต้องการได้เงินก็ให้นำรถมาจำนำและจะหักเงินร้อยละ 10 ไว้ เช่น ต้องการเงิน 1 แสนบาท ก็จะได้เงินไปเพียง 9 หมื่นบาท แต่เมื่อผู้เสียหายชำระเงินคืนทั้งหมดแล้ว กลับไม่ได้รถยนต์คืน และบางคันทราบว่ารถยนต์ถูกโอนต่อไปให้กับนายทุนอีกหลายคน
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 และได้มาร้องเรียนที่กองปราบปรามให้ดำเนินคดี จนสามารถติดตามรถยนต์คืนมาได้ประมาณ 130 คัน แต่รถยนต์อีกกว่า 100 คัน ยังอยู่ในความครอบครองของนายทุนอีกหลายคนที่ยึดรถไว้ ซึ่งเมื่อไปติดตามทวงถามกับ “เจ้พลอย” ก็ให้คำตอบเพียงว่า ไม่มีลูกน้องขับรถไปส่ง และบางคนติดโควิดอยู่ ส่วนรถยนต์ที่นายทุนยึดไว้ก็นำไปจอดไว้ตามบ้าน ยังไม่ถูกส่งต่อไปที่ใด
ส่วนทางคดีตำรวจ สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี จับผู้ต้องหาที่เป็นกลุ่มนายทุนที่ยึดรถยนต์ไปมาแล้ว 4 คน บางคนได้รับการประกันตัว และถูกข่มขู่หลังจากที่มาร้องเรียนให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดคดี โดยผู้ที่ข่มขู่ส่งข้อความทางไลน์มาบอกว่า “ไม่สามารถทำอะไรนายใหญ่ได้” ส่วน “เจ้พลอย” ก็พบว่าเคยเป็นคนใกล้ชิดกับนักการเมืองท้องถิ่นในตำบลเสม็ด และมีอิทธิพลในพื้นที่
ส่วนทางกองปราบก็ไม่ได้ดำเนินคดีต่อ และติดตามรถยนต์ที่ถูกยึดไว้อยู่ โดยอ้างว่าเปลี่ยนชุดสืบสวนไปแล้ว ทั้งที่ผู้เสียหายได้รวบรวมรายชื่อรถยนต์ที่อยู่ในความครอบครองของนายทุนคนไหนมาให้แล้ว จึงนำมาร้องเรียนให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการเร่งรัดคดี และติดตามรถคืน เพราะยิ่งนานวัน ก็เกรงว่ารถที่ถูกส่งไปขายประเทศเพื่อนบ้าน หรือ อาจนำไปชำแหละชิ้นส่วนขาย .-สำนักข่าวไทย