2 พ.ค. – กองปราบยังยืนยันมีผู้เสียชีวิตเชื่อมโยงคดี “แอม ไซยาไนด์” อยู่ที่ 14 ศพ เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมหลักฐานแต่ละคดีเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และลักทรัพย์
รองผู้บังคับการปราบปราม ยังยืนยันตัวเลขเหยื่อเชื่อมโยงกับคดี แอม ไซยาไนด์ มี 14 ศพ รอดชีวิต 1 คน รายล่าสุดคือนางสาวมณฑาทิพย์ หรือ ทราย เสียชีวิตหลังเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 2558 และแม่เพิ่งเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจไปเมื่อวานนี้ ที่ผ่านมาตำรวจกองปราบ และตำรวจท้องที่ได้ประสานข้อมูลพยานหลักฐานร่วมกันมาโดยตลอด ทำให้คดีรุดหน้าไปมาก ส่วนกรณีกระแสข่าวว่าตำรวจระดับรองผู้กำกับการ อดีตสามีนางสรารัตน์ มีส่วนร่วมกระทำผิดด้วยนั้น เป็นเรื่องที่คาดเดากันไปเอง เพราะจากข้อมูลพยานหลักฐานในตอนนี้ยังไม่พบความเกี่ยวข้อง
ส่วนหมายจับได้ออกไปแล้ว 8 หมาย จากเหยื่อ 8 คน ประกอบด้วย
คดีที่ 1 นางสาวศิริพร หรือ ก้อย อายุ 33 ปี เหตุเกิดปี 2566 ในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี คดีนี้มี 2 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง กองปราบรับผิดชอบคดี และข้อหาลักทรัพย์ สภ.บ้านโป่ง รับผิดชอบคดี
คดีที่ 2 พันตำรวจตรี หญิง นิภา หรือ สารวัตรปู อายุ 38 ปี เหตุเกิดปี 2566 พื้นที่ พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม คดีนี้แอมถูกแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คดีที่ 3 นางสาวรจรินทร์ หรือ น้อยขายผัก เหตุเกิดปี 2565 พื้นที่ตลาดมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ขณะที่เมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) ออกหมายจับเพิ่มอีก 5 หมาย คือ คดีนายสุรัตน์ หรือ บี อายุ 35 ปี เหตุเกิดปี 2564 พื้นที่อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คดีที่ 5 คดี นางสาวกะณิกา หรือ เอ๊ะ อายุ 44 ปี เหตุเกิดปี 65 ที่ปั๊ม ปตท.วงเวียนโพธาราม จังหวัดราชบุรี ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คดีที่ 6 นางจันทร์รัตน์ วงศ์ไกรสิณ หรือ จุ๋ม เหตุเกิดปี 65 พื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คดีที่ 7 นางกานติมา แพสอาด หรือปลา อายุ 36 ปี ผู้รอดชีวิต เหตุเกิดปี 2565 ที่ห้างสรรพสินค้าในพื้นที่กาญจนบุรี ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
และคดีที่ 8 คือ นายสุทธิศักดิ์ หรือ แด้ อายุ 35 ปี เสียชีวิตที่บ้านพักอำเภอเมือง อุดรธานี เมื่อปี 2566 คดีนี้แอมถูกแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเช่นกัน
เร่งคลี่ปมหลวงตาดื่มสมุนไพรแอม แต่รอดชีวิต
และที่ต้องจับตา กรณีโซเชียลแชร์พบเหยื่อ “แอม ไซยาไนด์” เป็นพระอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งที่อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เคสนี้รอดชีวิต แต่ปัจจุบันพูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรง ผู้โพสต์บอกว่า พระท่านเล่าให้ฟังว่า โยมแอมเข้ามาและมาถวายน้ำดื่ม หลังจากนั้นท่านก็ล้มหมดสติ เล็บมือเล็บเท้าเขียว ลิ้นแข็ง พอท่านมาเห็นข่าวท่านตกใจว่าโยมคนนี้เคยเข้ามาที่วัด มาคุยว่าจะหาคนมาช่วยสร้างวัด มาถวายปัจจัยและถวายน้ำดื่ม น่าเวทนา หลวงตาไม่คิดโกรธแค้น ถือว่าเป็นกรรมของหลวงตา และขณะที่เล่านั้น มีผู้โพสต์และญาติโยมร่วมรับฟังมากกว่า 10 คน เนื่องจากไปทำบุญถวายภัตตาหาร
ผู้สื่อข่าวไปที่พักสงฆ์ตามที่แชร์ในโซเชียล พบหลวงตาอายุประมาณ 70 ปี สภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง พูดไม่ค่อยชัด ส่วนญาติโยมก็พาไปชี้จุดที่หลวงตาล้มหมดสติอยู่ฝั่งทิศตะวันออกของวัด
ขณะที่ พ.ต.อ.วิษณุ อาภรณ์พงศ์ ผู้กำกับการ สภ.ระสัง ได้นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมสอบถามหลวงตาว่าเคยเห็นแอมมาที่พักสงฆ์แล้วนำน้ำดื่มหรือสมุนไพรมาถวายให้จริงหรือไม่ แต่หลวงตากลับบอกจำไม่ได้ ส่วนที่เป็นลมหมดสติก็เกิดขึ้นตอนที่ไปทำความสะอาด และเหตุเกิดตั้งแต่ปลายปี 2565 ทำให้ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าแอมเคยมาที่ที่พักสงฆ์แห่งนี้หรือไม่ เพราะหลวงตาอยู่ที่สำนักสงฆ์เพียงลำพัง
ด้านญาติโยมและผู้โพสต์ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวว่า หลวงตาเล่าว่าถูกวางยาจริงๆ โดยบอกว่าเมื่อปลายปีก่อนมีผู้หญิง 3-4 คน เอาน้ำและสมุนไพรมาถวาย แล้วพอท่านฉันน้ำสมุนไพรก็เกิดหน้ามืดเป็นลม พอเห็นข่าว แอม ไซยาไนด์ ก็ยืนยันว่าเคยมาถวายน้ำกับสมุนไพร ทุกคนที่มาทำบุญได้ยินเหมือนกัน ย้ำว่าได้ยินหลวงตาพูดจริงๆ แต่จะถูกวางจริงหรือไม่ ขอให้ตำรวจเป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง. – สำนักข่าวไทย