กระจายงบฯ ทุกจังหวัด ชี้ เป็นครอบครัวเดียวกัน

สกลนคร 15 มิ.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สกลนคร เร่งแก้ไขปัญหายากจน ย้ำกระจายงบฯ ทุกจังหวัด ระบุเป็นครอบครัวเดียวกัน แซวให้กินน้ำสมุนไพร อโรคยศาล เป็นยาน้ำสมานฉันท์ พร้อมร่วมฟ้อนรำภูไทกับชาวบ้าน


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ ไปยังสนามบินกองทัพบกค่ายกฤษณ์สีวะรา อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร เพื่อตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย โดยใช้ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (TPMAP) และความก้าวหน้าการเป็นศูนย์กลางสมุนไพร ณ โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร อ.พรรณนานิคม จ.สกลนคร โดยนายกรัฐมนตรีได้นั่งรถอัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน 1 ขส 2605


นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังบรรยายสรุป และมอบบ้านที่ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้กับตัวแทนกลุ่มครัวเรือนตามเป้าหมาย โดยบรรยากาศที่โรงพยาบาลพระอาจารย์ฟั่น อาจาโร มีประชาชนในพื้นที่ มารอให้การต้อนรับ และผูกผ้าย้อมครามให้นายกรัฐมนตรี พร้อมกับตะโกนให้กำลังใจว่า “นายกรัฐมนตรีสู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่อยู่ยาว พร้อมบอกตัวจริงหล่อกว่าในทีวี” ขณะที่นายกฯ บอก อย่าไปดูทีวี



ส่วนบริเวณด้านหน้าโรงพยาบาล นายอานนท์ แสนน่าน ข้าราชการประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานหมู่บ้านเทอดไท้องค์ราชัน นำประชาชนหมู่บ้านเทอดไท้องค์ราชัน สวมใส่เสื้อเหลืองมาชูป้ายให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี


นายกรัฐมนตรี ได้ขออนุญาตถอดหน้ากากอนามัย พร้อมกล่าวกับประชาชน ว่า รัฐบาลจะพยายามทำอย่างเต็มที่ในการลดปัญหาและอุปสรรคต่างๆ แก้ปัญหาต่างๆทั้งความยากจน การลดความเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงบริการภาครัฐ โดยให้นำระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (TPMAP) มาใช้ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะทำให้การช่วยเหลือประชาชนได้ตรงจุด และแก้ไขปัญหาได้เร็วยิ่งขึ้น ยืนยันกระจายงบประมาณไปทุกจังหวัด 76+1 รวมถึงกรุงเทพฯด้วย ซึ่งทุกหน่วยงานได้พยายามที่จะบูรณาการเพื่อให้ทุกอย่างอยู่รอดในสถานการณ์นี้ และขอให้ทุกคนอยู่อย่างพอเพียง ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง มีความรู้คู่คุณธรรม และมีภูมิคุ้มกันที่ดี พร้อมขอให้ทุกคนต้องร่วมมือในการปรับเปลี่ยน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีมากยิ่งขึ้น รวมถึงปรับเปลี่ยนการค้าขายในรูปแบบออนไลน์ ควบคู่กับอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งรัฐบาลมีแผนในการพัฒนาจังหวัดอย่างเหมาะสม


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จังหวัดสกลนครเป็นจังหวัดที่เรียบง่าย แต่มีเสน่ห์ แม้จะใส่หน้ากาก แต่ก็รู้ได้ว่ามีรอยยิ้มด้วยแววตา บางครั้งตนก็ดุเดือดมากไปหน่อย ดูใจร้าย วันนี้เราไม่ได้แบ่งแยกโดยมีสามสถาบันหลักคือชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ และขอช่วยกันปกป้องสถาบันหลักของชาติไว้ โดยขอให้ทุกคนอย่าขัดแย้งและให้ความร่วมมือกัน ซึ่งถ้าเราลืมประวัติศาสตร์ เราจะอยู่กันได้อย่างไร ถือเป็นสายสัมพันธ์ของทุกคน ขออย่าทำลายสังคมที่มีมาอย่างยาวนาน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง คำสอนหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ วัดป่าสุทธาวาส ที่ว่า “อดีตควรปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตก็ควรปล่อยไว้ตามกาลของมัน ” มาเป็นคำสอนเตือนสติ ให้อดทนและปล่อยวาง เพื่อให้การดำเนินชีวิต ผ่านพ้นอุปสรรคและเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งทุกวันนี้มีปัญหาจำนวนมากทำให้เกิดความเครียด ซึ่งตนก็พยายามที่จะปล่อยวาง วันนี้พยายามทำทุกวันให้ดีที่สุด และทำให้ดีกว่าที่ผ่านมา



ช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี พูดหยอกล้อกับชาวบ้านว่า เรามีหัวใจดวงเดียวกัน เราคือครอบครัวเดียวกัน พร้อมผายมือไปยังรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ด้านข้าง และบอกว่า ทุกคนทำงานเหมือนกันหมด ใครดีหรือไม่ดีก็ว่ากันไป


จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรของทางโรงพยาบาล ซึ่งจังหวัดสกลนครได้กำหนดเป้าหมายในการเป็น “มหานครแห่งพฤกษเวช” โดยเป็น 1 ใน 4 จังหวัดที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาให้เป็นจังหวัดต้นแบบด้านการแพทย์แผนไทยและศูนย์กลางสมุนไพรอย่างครบวงจร


นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมทุกหน่วยงานที่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร แต่ทางนี้บางอย่างต้องมีความระมัดระวัง และไม่ได้สนับสนุนให้ใช้ในทุกอย่าง เพราะมีทั้งคุณและโทษ ซึ่งการรักษาคนนั้นถือเป็นกุศล ที่ไม่ให้มีคนเสียชีวิต และสิ่งตอบแทนที่ได้คือความสุข ขอให้ทุกคนมีความสุข พร้อมพูดติดตลกว่า ให้นำยาน้ำอโรคยศาล ที่มีชื่อ ยาน้ำสมานฉันท์ ไปให้คนใช้เยอะๆ


ทั้งนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะเดินทางออกจากโรงพยาบาล นายกรัฐมนตรีได้ร่วมฟ้อนรำกับผู้สูงอายุที่รำภูไท รวมถึง ได้เดินไปทักทายประชาชนจากหมู่บ้านเทอดไท้องค์ราชัน ที่มาให้กำลังใจบริเวณด้านหน้า โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีรักทุกคนและจะเข้มแข็ง.-สำนักข่าวไทย.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย