เร่งล่า 2 คนร้ายขี่ จยย.ประกบยิง นศ.ช่างกลปทุมวัน

3 เม.ย. – เร่งล่า 2 คนร้าย ขี่ จยย.ประกบยิง นศ.ปี 1 ช่างกลปทุมวัน เสียชีวิต ตรวจกล้องวงจรปิดเส้นทางหลบหนี พบไปทางถนนจรัญสนิทวงศ์ มุ่งหน้าสี่แยกไฟฉาย


ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช แม่และอา ของน้องภูมิ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ที่ถูกยิงอย่างอุกอาจเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ได้เดินทางมาติดต่อขอรับศพน้องภูมิไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดบ้านเกิดใน จ.เลย หลังถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิงเสียชีวิตใกล้ซอยจรัญสนิทวงศ์ 30/1 เขตบางกอกน้อย กทม. เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างมาก พร้อมกันนี้บรรดาเพื่อนของน้องภูมิเดินทางมาร่วมรับศพด้วย

แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวเปิดใจกับสื่อมวลชนทั้งน้ำตาว่า แม่อยากรู้ว่าลูกแม่ไปทำอะไรให้ถึงทำกับลูกของแม่ได้ลงคออย่างนี้ น้องภูมิเป็นเด็กดี ไม่เกเร เป็นเด็กเรียบร้อย มาอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ประมาณ 1 ปีแล้ว เพื่อมาศึกษาต่อที่สถาบันดังกล่าว ลูกไม่เคยเล่าว่ามีใครปองร้าย ตามคุกคาม หรือคิดร้ายกับตนตอนเรียนที่กรุงเทพฯ เพิ่งคุยกับลูกล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา บอกว่าลูกจะกลับบ้านในวันที่ 8 เม.ย. แม่ย้ำเตือนเสมอว่าให้ลูกระวังตัวเองเสมอ ไปไหนมาไหนให้ระมัดระวัง เพราะที่นี่ไม่ใช่แถวบ้านของเราเอง อีกทั้งไม่เคยมีลางสังหรณ์มาก่อนว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับลูกตัวเอง แม่เองไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมลูกถึงมาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ แต่ลูกเคยบอกว่าใฝ่ฝันอยากเป็นวิศวกร


แม่ยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะพฤติกรรมของคนร้ายโหดร้ายเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสถาบันหรือไม่ แต่รับไม่ได้ที่ก่อเหตุร้ายแรงขนาดนี้ อยากให้ตำรวจเร่งตามจับตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด รวมทั้งอยากให้ผู้ก่อเหตุมากราบขอขมาแม่ ซึ่งแม่จะอโหสิกรรมให้ ยอมรับว่าตอนนี้แม่มีความกังวลว่าตำรวจจะไม่สามารถตามจับคนร้ายได้ ยืนยันว่าจะเอาผิดคนร้ายให้ถึงที่สุด

ขณะที่บรรดาเพื่อนของผู้เสียชีวิตปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ แก่สื่อมวลชน เพราะกังวลในเรื่องของความปลอดภัย แต่จากการที่ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยระบุว่าที่ผ่านมาน้องภูมิและเพื่อนไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครมาก่อน ปกติเวลาภูมิอยู่กับเพื่อนเป็นคนเฮฮาและเรียนดี ภูมิตั้งใจอยากเป็นวิศวกร แต่ไม่นึกว่าจะมาด่วนจากไปแบบนี้ หลังจากนี้เพื่อนๆ คงต้องระมัดระวังตัวเองมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร ยืนยันว่าเพื่อนๆ ของภูมิไม่เคยมีปัญหาต่างสถาบันกับใคร

ส่วนความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.ณัฐพัฒนส์ ธรรมชุตินันท์ ผกก.สน.บางกอกน้อย ระบุว่า ตอนนี้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางของคนร้าย รวมถึงกล้องวงจรปิดแล้ว เบื้องต้นพบว่าคนร้ายทั้งสองคนขี่รถจักรยานยนต์ประกบผู้ตายมาตั้งแต่หน้าหอพักบริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 จากนั้นเมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุมีการประกบยิงจำนวนหลายนัด จนรถผู้ตายเสียหลักล้มลง จากนั้นคนร้ายวนรถกลับมาก่อนกระหน่ำยิงจนเสียชีวิต และหลบหนีไปทางถนนจรัญสนิทวงศ์ มุ่งหน้าสี่แยกไฟฉาย


พ.ต.อ.ณัฐพัฒนส์ กล่าวว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากพฤติการณ์ก่อเหตุอุกอาจมาก อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ เนื่องจากคนร้ายใส่หมวกกันน็อกเต็มใบทั้งสองคน รวมถึงมีการเรียกเพื่อนมาสอบปากคำบางส่วนแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ซึ่งตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องของความขัดแย้งระหว่างสถาบัน

มีรายงานว่าชุดสืบสวนไล่เส้นทางคนร้ายจนพบว่าผู้ก่อเหตุขับรถตามผู้ตายมาจากคอนโดฯ ย่านซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 เรื่อยมาจนกระทั่งถึงทางรถไฟบางขุนนนท์ ซึ่งห่างจากคอนโดฯ เพียง 100 เมตร ประกอบกับจุดดังกล่าวไม่มีแสงไฟ จึงอาศัยความมืดก่อเหตุ และหลบหนีมุ่งหน้าไปทางสี่แยกไฟฉาย เหตุการณ์ประกบยิงนักเรียนช่างกลเสียชีวิตครั้งนี้มีลักษณะคล้ายกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2565 ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน มีคนร้ายจำนวน 2 คน สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิงนักศึกษาช่างกลปทุมวัน จำนวน 8 นัด จนเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณซอยเทอดไท 86 (แยกกำนันแม้น) ท้องที่ สน.บางขุนเทียน ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ส่วนผู้ก่อเหตุทั้งสองคดีนี้จะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันหรือไม่นั้น ตำรวจยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย