1 มี.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทลายโกดังอะไหล่รถจักรยานยนต์ตีแบรนด์ดัง พบอะไหล่ปลอมกว่า 200,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่ง ถ.พระบรมราชชนนี ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ตามหมายค้นศาลจังหวัดนครปฐม
สืบเนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีโกดังเก็บสินค้าและจำหน่ายสินค้าประเภทอะไหล่รถ ที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นและไม่ได้คุณภาพ เก็บซุกซ่อนไว้ในโกดัง และจำหน่ายโดยนายทุนชาวจีนจะให้บุคคลแสร้งทำเป็นเซลล์นำสินค้าไปเสนอตามร้านอะไหล่และแหล่งซ่อมรถต่างๆ ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดออกจำหน่ายหรือซ่อมรถจักรยานยนต์ให้ประชาชนทั่วไป และจำหน่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. ได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครปฐม จนเมื่อวันที่ 28 ก.พ.66 ศาลจังหวัดนครปฐม ได้อนุมัติหมายค้น เลขที่ ค.92/2566 ลงวันที่ 28 ก.พ.66 ให้เข้าทำการตรวจค้นโกดังดังกล่าว
ผลการเข้าตรวจค้นพบนายสุนทร อายุ 24 ปี อ้างว่าเป็นผู้ดูแลได้รับค่าจ้างจาก นายหลิว เต๋อหัว นักธุรกิจชาวจีน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์, เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรี ร่วมตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบสินค้าประเภทอะไหล่รถจักรยานยนต์ และเครื่องจักรที่ใช้บรรจุสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศหลายรายการ เช่น โซ่ เฟือง หัวเทียน ลูกปืน จานดิสเบรค และอื่นๆ อีกจำนวนมาก ซึ่งได้มีการปลอมเครื่องหมายการค้าตีสินค้าแบรนด์ดังเพื่อเจตนาหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อ รวมทั้งสิ้นจำนวนกว่า 200,000 ชิ้น มูลค่าสินค้าประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน สร้างความอันตรายต่อผู้บริโภค เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดอายัดสินค้าของกลางไว้ดูแลรักษาเก็บไว้ที่สถานที่เกิดเหตุ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมฝากเตือนภัยประชาชน และร้านอะไหล่รถจักรยานยนต์ตลอดจนอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ต่างๆ ให้เพิ่มความระมัดระวังในการรับซื้ออะไหล่รถจักรยานยนต์ หรือการนำรถเข้าซ่อมตามอู่ต่างๆ ควรซื้อของและนำรถเข้าซ่อมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและมั่นใจว่าเป็นอะไหล่ของแท้ และหากมีเบาะแสเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าสามารถแจ้งเบาะแสมาได้โดยตรงที่ Facebook เพจตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป. -สำนักข่าวไทย