กรุงเทพฯ 10 ม.ค. – “ชูวิทย์” แถลงหลังพบนายกฯ พูดคุยปัญหาทุนจีนสีเทา ระบุนายกฯ มีท่าทีรับฟังและรับปากว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่ขอให้เข้าใจการดำเนินการทุกเรื่องทุกอย่างต้องมีขั้นตอน ส่วนกรณีรถบัสของตู้ห่าวที่เกี่ยวโยงกับญาตินั้นได้สั่ง ผบ.ตร.ตรวจสอบแล้ว
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ตั้งโต๊ะแถลงสรุปผลพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องทุนจีนสีเทา โดยเปิดเรื่อง เล่าไทม์ไลน์ ตั้งแต่วันแรกที่มีการเปิดโปงจีนทุนสีเทาจนนำไปสู่การออกหมายจับ มีการดำเนินคดีกับนายตู้ห่าวและเครือข่าย พร้อมย้ำว่าตนเองเป็นประชาชน ที่ทำงานเพื่อประชาชน และต้องสู้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ไม่มีหน่วยงานรัฐสนับสนุน และการออกมาเปิดโปง อยากให้ประชาชนได้เห็นการต่อสู้ระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทุกคนพยายามรักษาอำนาจตัวเองไว้ แต่ตนเองก็จะทุกอย่างเพื่อไปสู่เป้าหมาย โดยขณะนี้เป้าหมายกว่า 80% แต่ยังไม่ครบ 100%
นายชูวิทย์ กล่าวว่า มีโอกาสได้พูดคุยกับนายกฯ เป็นเวลา 15 นาที และวันนี้มองว่านายกฯ เปลี่ยนไปเพราะเป็นนักการเมืองแล้ว จะแสดงบทบาทแบบเดิมไม่ได้ แต่ต้องรับฟังเสียงของประชาชน เพราะฐานเสียงที่จะสนับสนุนคือประชาชน จึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ข้างประชาชนได้บอกว่าหากนายกฯ เดินสายการเมืองแล้วก็ต้องจัดการเรื่องจีนเทาให้ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแสดงท่าทีรับฟังและรับปากว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่นายกฯ ขอให้เข้าใจการดำเนินการทุกเรื่องทุกอย่างต้องมีขั้นตอน
ส่วนเรื่องรถบัสตู้ห่าว ที่มีหลานนายกฯ เกี่ยวข้อง ทราบว่านายกฯ สั่งการ ผบ.ตร.ให้ตรวจสอบแล้ว ส่วน ผบช.น.อยู่ที่จเรตำรวจ ตนเองไม่สามารถไปเรียกร้องหรือกำหนดเวลาได้ แต่จุดประสงค์คืออยากให้รับฟังและให้ประชาชนเห็นว่าจะสู้กับรัฐต้องรู้เท่าทันอำนาจหน้าที่และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าการรับปากของนายกฯ ไม่ใช่การแก้เก้อ เพราะคนอย่างชูวิทย์ก็ไม่ใช่ธรรมดา
ยืนยันการไปพบนายกฯ ไม่ใช่การหาทางลงให้ตัวเอง เพราะการออกมาเปิดโปงข้อมูลนายทุนจีน ทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ ที่ผ่านมาไม่ได้ไปกินเงินเดือนใคร และไม่ได้จะเล่นการเมือง
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ต้นเหตุของเรื่องนี้มาจากเรื่องเดียวคือการร่วมกันทุจริตสังคมไทย เพราะการสนับสนุนมีตัวการ คือตู้ห่าว และจะมีผู้สนับสนุนคือตำรวจ ถ้าไม่มีตำรวจตู้ห่าวไม่โตขนาดนี้ ผู้สนับสนุนที่สองคือหน่วยงานรัฐและเครือข่ายนักการเมือง เป็นเหตุผลว่าฝ่ายค้านและรัฐบาลถึงเงียบเพราะขบวนกนี้แทรกแซงทั้งหมด ตนเองจึงต้องมาจุดเทียนเพราะบ้านเมืองมืดมน แต่กลับพบว่าทำอยู่คนเดียว อย่างเปล่าเปลี่ยว
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว นายชูวิทย์ ยังได้เปิดคลิปวิดีโอ ปรากฎภาพพนักงานไม่น้อยกว่า 10 คน และบุคคลอื่นๆ เดินไปมาจำนวนมาก แต่ปัจจุบันปรากฏว่าจำนวนพยานในสำนวนคดี เหลือพนักงานเสิร์ฟเพียง 2 คน ไม่มีพยานที่เป็นหญิงขายบริการ หรือบุคคลอื่นๆ ในที่เกิดเหตุอีก และคลิปการเข้าสถานบันเทิงของทุนจีนสีเทาที่เป็นเครือข่ายของนายตู้ห่าว จะไม่ถูกตรวจค้นละเอียด ส่วนแขกที่มาเที่ยวจะถูกตรวจอย่างละเอียดเมื่อพบว่ามีการพกยาเสพติดเข้ามาก็จะบอกผู้จัดการคือนายหวง ไทเฮา ซึ่งถูกจับกุมไปแล้วมาจัดการเพราะสถานบันเทิงของตนเองมียาเสพติดจำหน่ายอยู่แล้ว พร้อมเปิดแผนผังขบวนการของนายตู้ห่าวที่มีมือซ้ายมือขวาพร้อมจะขึ้นมาทำหน้าที่แทนทำให้ขบวนการนี้ยังเติบโตอยู่ได้
ส่วนการโยกย้ายตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีผับจินหลิงโดยตรงของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ควรมีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ทุกระดับไปจนถึง 5 เสือโรงพัก (ตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาในสถานี) ด้วย ไม่ใช่ย้ายแค่ระดับปฏิบัติการ หรือ ผกก.สน.ยานนาวา เพียงคนเดียว. -สำนักข่าวไทย
