ออกหมายเรียก 13 คน มีชื่อหน้าซองเงินในห้องอธิบดีกรมอุทยานฯ

กรุงเทพฯ 4 ม.ค.- ตำรวจ ปปป.ออกหมายเรียก 13 คน ที่ปรากฏชื่อหน้าซองรับเงินในห้องอธิบดีกรมอุทยานฯ เข้าให้ปากคำ ส่วนพยาน 17 ปาก จ่อให้ปากคำวันศุกร์นี้ ยืนยันเร่งขยายผล รวมถึงประเด็นเงินส่งต่อให้ใครหรือไม่ พร้อมเผยไทม์ไลน์เรื่องร้องเรียนอธิบดีกรมอุทยานฯ จนนำไปสู่การจับกุม


หลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ปปป. ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ทุกคนไม่ต้องกังวล คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกไปไม่มีมุมไหนที่มีการปกปิด ท่านปล่อยคลิปออกไปแสดงว่าท่านตั้งใจทำหน้าที่และอยากให้สังคมรับรู้ วันนี้ที่มาพบพนักงานสอบสวนให้การเพิ่มเติมไว้ทั้งหมด พร้อมยื่นเอกสาร 53 แผ่นที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงเกี่ยวกับซอง และจะยื่นพยานอีก 17 ปาก ซึ่งมาให้ข้อมูลวันศุกร์ที่ 6 มกราคมนี้ ส่วนวันนี้ผมมาคนเดียว และพยานอีก 1 ปาก ให้ปากคำในช่วงบ่าย ส่วนซองพนักงานสอบสวนได้สอบถามรายละเอียดว่ามีใครบ้าง ทั้งหมดอีก 13 รายชื่อ มีทั้งผู้อำนวยการสำนักลงไปถึงหัวหน้าหน่วยงาน

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของตนมีผู้ที่จะเข้าให้ข้อมูลทั้งหมด 19 คน รวมตนเอง แบ่งเป็น 13 คน เป็นกรณีการรวมเงินที่เรียกรับรายเดือน 98,000 บาท ส่วน 4 คน เป็นผู้ที่เดือดร้อนในชุดแรกที่ร้องเรียนกับ ป.ป.ช. อีกหนึ่งคนเคยมีกรณีถูกโยกย้ายตำแหน่งโดยการจ่ายเงิน ก็จะมาให้ข้อมูลด้วย


นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีการเรียกรับมาแล้วกี่เดือน เพราะตนมารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนตุลาคม หลังจากนั้นก็มารับทราบปัญหาในสังกัด คือ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี มีเรียกเงินตั้งแต่เดือนตุลาคม รวมเป็นเงิน 98,000 บาท ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการนำเงินส่วนตัวที่หาได้ในครอบครัว หรืออาจเป็นเงินกู้สหกรณ์ เงินที่หาได้ นำไปจ่ายก่อน เพราะงบประมาณส่วนราชการเงินเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายนเงินยังไม่ออก เงินที่สัญญากันว่าหรือตกลงกันไว้ เป็นเงินส่วนตัวไม่ได้มาจากเงินงบประมาณ ที่ผมอยู่กับลูกน้อง ยืนยันได้ว่าลูกน้องไม่กล้า ทำเพราะเงินงบประมาณที่มีอยู่ไม่พอทำงาน ลูกน้องที่จะไปทุจริตต่องบประมาณที่มีเป็นไปไม่ได้

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน่าสงสารยอมจ่ายกันหน่วยละ 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,000 บาท ซึ่งเป็นเงินของเดือนตุลาคม มีหัวหน้าหน่วยงานหลายคนที่ถูกรังแก ต้องหาเงินมาจ่ายแบบนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับในสำนวนและในซองที่ประสานงานมาให้ปากคำกับ ปปป.เพิ่มมากกว่า 7 ปาก

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า นายชัยวัฒน์ มาให้การเพิ่มเติมกับ ปปป. ส่วนสำนวนคดีขอให้เป็นเรื่องของคดี วันนี้นายชัยวัฒน์ ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พนักงานสอบสวนจะส่งหมายเรียกประมาณ 13 หมายเรียก ไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคำให้การ และผู้ที่ปรากฏชื่อ หน้าซองเงิน โดยจะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เจ้าของซองสามารถมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อมาให้การได้ก่อน ถือว่าไม่มีความผิด เพราะการจับกุมใครสักคนต้องแสวงหาความร่วมมือ ผมสั่งไปแล้วให้ติดต่อรอบนอกด้วย และเร่งสอบให้เสร็จ และจะส่ง ป.ป.ช.โดยเร็ว ทั้งนี้ หมายเรียกพยานจะทยอยส่ง วันนั้นที่เราเข้าไปยืนยันว่าดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เมื่อให้ความร่วมมือ พยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ ยืนยันมีพยานหลักฐานสามารถเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐได้


เมื่อถามถึงประเด็นการไม่ขยายผลไปค้นบ้านพัก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ปปป.จะทำงานทุกมิติให้ได้ข้อเท็จจริง โดยจะทำงานอย่างเต็มที่ ปปป.และ ป.ป.ท.จะทำอะไรทุกอย่างจะต้องมีหลักฐานรัดกุมให้มากกว่านี้ เล่นกับพายุใหญ่ก็ต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ไม่ขยายผล เราขยายผล แต่เราใช้วิธีการของเราในการขยาย ทำไปตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคลที่กระทำการไม่กระทำการ ถ้าเขาปฏิบัติตัวดีเรื่องก็ไม่เกิด ผมเชื่อว่ากรมอุทยานฯ อยู่มานานปัญหาไม่มี เมื่อบุคคลไปสร้างปัญหา ก็เป็นเรื่องของบุคคลก็ต้องว่ากันไป

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำเพิ่ม ส่วนเงินจะส่งต่อให้ใครอีกบ้าง ชุดสืบสวนทำงานอยู่ ฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับซองให้มาให้ปากคำ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพร้อมให้ความเป็นธรรม ยืนยันไม่มีการกลั่นแกล้ง ส่วนเรื่องคลิปขอแก้ข่าวว่าตำรวจกับ ป.ป.ช. ไม่ได้ปล่อยคลิป ผมจะทำทุกมิติให้กระจ่างให้ได้ว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าจะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีบิดเบี้ยวว่ากันด้วยพยานหลักฐาน อะไรที่เป็นของใครก็ต้องชี้แจงให้ได้ ชี้แจงไม่ได้ก็อาจจะตกเป็นจำเลยก็ได้ ส่วนหน้าซองสีน้ำตาลส่วนใหญ่ชื่อหน้าซองเป็นชื่อหน่วยงาน และมีชื่อบุคคลก็มีปะปนกันไป

สำหรับไทม์ไลน์ เรื่องร้องเรียนการทุจริตของอธิบดีกรมอุทยานฯ

1.วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ได้รับการแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

2.วันที่ 24 กรกฎาคม 2565 นายรัชฎา ลงนามในหนังสือแจ้งเวียนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ด่วนที่สุด ที่ ทส 0901.304/ว3952 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง ซักซ้อมแนวทางปฏิบัติการมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการ แจ้งให้ข้าราชการในสังกัดถือปฏิบัติ ดังนี้

2.1. กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการในสังกัดที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ให้ปฏิบัติราชการตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายต่อไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

2.2. กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการ หรือไปช่วยปฏิบัติราชการต่างสังกัด (ภายในกรม) รวมทั้งผู้ที่มาช่วยปฏิบัติราชการจากส่วนราชการอื่น ให้ปฏิบัติราชการตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายต่อไป จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565

2.3. กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการทำหน้าที่ผู้อำนวยการส่วน หัวหน้ากลุ่ม และ/หรือ หัวหน้าหน่วยงานใดแล้ว ให้ผู้ซึ่งทำหน้าที่นั้นอยู่เดิม กลับไปปฏิบัติราชการต้นสังกัด หรือไปปฏิบัติราชการตามที่ได้รับมอบหมายต่อไป

2.4. ให้ผู้อำนวยการสำนักทุกสำนัก ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทุกสำนัก ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษาสาขา ผู้อำนวยการกองทุกกอง และหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกอื่นที่ขึ้นตรงต่ออธิบดี จัดทำคำสั่งมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการซึ่งกลับไปปฏิบัติราชการ ต้นสังกัดตามข้อ3 ทุกราย

3.วันที่ 28 กุมภาพันธุ์ 2565 นายรัชฎา มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายผู้อำนวยการสำนักสาขา ผู้อำนวยการส่วน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเกรด A (ขนาดใหญ่) ทั้งทางบกทางทะเล ทั่วประเทศ จำนวนหลายคำสั่ง และมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยออกคำสั่งแต่งตั้งทุก 3 วัน เป็นต้นมา

4.นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีการเรียกรับเงินในการโยกย้ายตำแหน่งของอธิบดีกรม อส. จากอดีตผู้บังคับบัญชา เพื่อน รุ่นน้อง จำนวนมาก

5.วันที่ 4 สิงหาคม 2565 นายชัยวัฒน์ มีหนังสือร้องเรียนขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง (ในทางลับ) กรณีนายรัชฎา อธิบดีกรมอุทยานฯ มีพฤติกรรมทุจริต และปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบด้วยกฎหมายหลายประการ ถึงนายกรัฐมนตรี, เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และพลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา

6.วันที่ 15 สิงหาคม 2565 นายชัยวัฒน์ เข้าพบนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีการพูดคุยถึงการทุจริตเรียกรับเงินที่เกี่ยวข้องกับอธิบดีกรมอุทยานฯ ในการเรียกรับเงินวิ่งเต้น โยกย้ายข้าราชการในกรม ซึ่งนายจตุพร ระบุว่าตนไม่รู้ไม่เห็น และไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน หากมีหลักฐานให้นำมาแสดงและแจ้งตนได้เลย

7.วันที่ 3 ตุลาคม 2565 นายชัยวัฒน์ กลับไปทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ได้รับแจ้งจากผู้ใต้บังคับบัญชา อธิบดีมีการเรียกเก็บเปอร์เซ็นต์จากหัวหน้าหน่วยงาน

8.ปลายเดือนตุลาคม 2565 นายชัยวัฒน์ เข้าพบอธิบดีที่ห้องทำงาน จึงได้ทราบว่าอธิบดีมีการเรียกเก็บเงินจากหน่วยงานที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาอยู่จริง และเงินดังกล่าวให้ตนเป็นผู้นำมาส่ง

9.วันที่ 22 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เรียกตนเพื่อสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกรณีที่มีการร้องเรียน อธิบดีกรมอุทยานฯ ตามหนังสือร้องเรียนลงวันที่ 4 สิงหาคม 2565

10.วันที่ 26 ธันวาคม 2565 นายชัยวัฒน์ ร่วมกับตำรวจ ปปป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อมูลพยานข้อเท็จจริง และมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายรัชฎา ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

11.วันที่ 27 ธันวาคม 2565 ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. นำกำลังตำรวจพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชิญตัวนายรัชฎา มาที่ห้องทำงานอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมแจ้งเหตุ และตรวจสอบพบเงินที่ดำเนินการล่อซื้อและขยายผลตรวจพบเงินและเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับเงินดังกล่าว โดยตรวจยึดไว้เป็นของกลางจำนวน 21 รายการ เป็นเงินจำนวน 4,843,300 บาท พร้อมจับกุมตัวรัชฎา อธิบดีกรมอุทยานฯ ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว

สุรินทร์ 28 ส.ค.-รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เผยเด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าน้องเป็นคนไทย น้องยังต้องได้รับสิทธิตามอนุสัญญาหลักสิทธิเด็ก เข้ารับการศึกษาต่อไป นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ พมจ.สุรินทร์ ตม.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำลังดูแลน้องอายุ 13 ปี ที่มีแม่เป็นชาวกัมพูชาและทั้งคู่ถูกแจ้งจับเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาต ได้รับรายงานว่า เด็กชาย อายุ 13 ปีรายนี้ เกิดที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่วนแม่ทำงานในบ่อนการพนันที่ช่องสะงำ จากนั้นก็ได้เดินทางกลับประเทศโดยถูกกฎหมาย และคลอดน้องที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และลอบอยู่ในประเทศไทย โดยน้องได้รับการศึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ ป.1 จนกระทั่งปัจจุบันคือ ม.1 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการพาน้องอายุ 13 ปี ตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจาก พมจ.สุรินทร์ ได้รับข้อมูลจากฝ่ายแม่เด็กว่า พ่อที่แท้จริงของน้องคือ ชายไทยที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้ นอกจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป เช่น หากพิสูจน์ได้ว่า น้องมีบิดา […]

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]

จนท.ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองจาน หวั่นเผชิญหน้า

สระแก้ว 28 ส.ค. – คนไทยรวมพลบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม หวั่นเหตุเผชิญหน้า หลังชาวกัมพูชาท้าทาย ขณะที่ “กัน จอมพลัง” ขนรถดูดส้วม 14 คัน เสิร์ฟเขมร.-สำนักข่าวไทย