กรุงเทพฯ 6 ม.ค.- ตร.ปปป. คาดสรุปสำนวนคดีอธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกรับเงินลูกน้อง ส่ง ป.ป.ช.ได้กลางเดือนนี้ ด้าน จนท.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จ.อุบลราชธานี ผู้เสียหาย ทยอยเข้าให้ปากคำ ยืนยันถูกเรียกรับเงินโดยไม่เต็มใจจ่ายให้
ตลอดทั้งวันมีเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะผู้เสียหายจำนวน 11 คน และอีก 3 คน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกรับเงิน ทยอยเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เพื่อให้ปากคำปมถูกนายรัชฎา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรียกรับเงิน
สำหรับกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาวันนี้ อยู่ในระดับหัวหน้าหน่วย และเจ้าหน้าที่ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกลุ่ม 19 คน ที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี นำข้อมูลมาให้เจ้าหน้าที่ ปปป.เมื่อวันก่อน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 13 คน ที่นำเงิน 98,000 บาท ส่งให้นายรัชฎา กลุ่มที่ 2 จำนวน 6 คน คือ พยานที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อน จากการเรียกรับเงินรับเงินของอธิบดีกรมอุทยานฯ โดยวันนี้กลุ่มแรก มาให้ปากคำ 11 คน ส่วนอีก 2 ติดภารกิจและป่วย ส่วนกลุ่มที่ 2 มาให้ปากคำวันนี้ 3 คน
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า หลังพนักงานสอบสวน สอบปากคำพยานในกลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี สังกัดนายชัยวัฒน์ จากการสอบปากคำทุกคนให้ การเป็นประโยชน์และเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าถูกบังคับ โดยส่วนใหญ่ไม่ยินยอมและไม่สมัครใจ แต่สาเหตุที่ยินยอมเพราะเกรงกลัวอำนาจ จึงยอมทำตาม
ส่วนรายชื่อที่ปรากฏในซองภายในห้องทำงานอธิบดีกรมอุทยานฯ จากการตรวจสอบ พบมี 21 ซอง ไม่ใช่ 13 ซอง สามารถตรวจสอบทราบบุคคลได้แล้ว 14 คน ซึ่งเป็นระดับหัวหน้าของหน่วยงานนั้นๆ ที่กล่าวอ้างว่าถูกเรียกเก็บเงิน ล่าสุดออกหมายเรียกแล้ว 6 คน ให้มาให้ปากคำวันที่ 11 มกราคม และจะออกหมายเรียกเพิ่มเติมอีก 8 คน ให้มาในวันที่ 12 มกราคม เวลา 10:00 น. ซึ่งมีบางส่วนยินยอมจะเข้ามาให้ปากคำในฐานะพยาน ส่วนใครจะมาไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็เป็นสิทธิของพยาน แต่ในทางคดี อนาคตพยานก็จะถูก ป.ป.ช.เรียกสอบปากคำในภายหลังเพิ่มเติมเช่นกัน
ส่วนกรณีการสอบเส้นทางการเงินอยู่ระหว่างดำเนินการ เบื้องต้นยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงปลายทางของเงินที่ถูกเรียกเก็บไปถึงบุคคลอื่น แต่ยืนยันว่าหากเชื่อมโยงถึงใคร จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน เบื้องต้นในชั้นพนักงานสอบสวน ผู้ถูกกล่าวหายังปฏิเสธที่จะให้ปากคำ แต่ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
นอกจากนี้ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ยังชี้แจงกับสื่อมวลชนถึงกรณีที่มีการกระแสข่าว หลักจากที่นายรัชฎา ได้รับการประกันตัว ว่าเข้าไปยุ่งเหยิงข่มขู่กับพยานหลักฐาน ยืนยันว่าให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ยังไม่พบการไปยุ่งเหยิงหรือข่มขู่พยานแต่อย่างใด และกลางเดือนมกราคม 2566 คาดว่าพนักงานสอบสวน ปปป.จะส่งสำนวนไปที่ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาชี้มูล พร้อมกับส่งตัวผู้ถูกกล่าวหาให้ ป.ป.ช ในคราวเดียวกัน
ด้านหนึ่งในพยาน เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า วันนี้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. โดยเรื่องคดีความที่เกิดขึ้นก็เป็นตามที่หัวหน้าชัยวัฒน์ ให้ข้อมูลไว้ และส่วนตัวเห็นว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ใครทำความผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานกรมอุทยานฯ จึงอยากให้สังคมเข้าใจการทำงานของบุคลากรกรมอุทยานฯ คนอื่นๆ ด้วย เพราะที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างมีความอุดมการณ์ ความตั้งใจในการทำงานดูแลพิทักษ์ผืนป่าทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า นอกจากการทำงานที่มีความยากลำบากแล้ว งบประมานการดูแลสัตว์ป่าถูกตัดออกไปมากถึง 70% ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หยิบยืมญาติพี่น้อง เพื่อนำเงินมาใช้ในการดูแลลูกน้อง สัตว์ป่า และยังต้องแบ่งจ่ายให้กรณีดังกล่าวด้วย ยอมรับว่าการให้ข้อมูลครั้งนี้อาจมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานในอนาคต แต่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี และเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ จำเป็นต้องออกมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ส่วนกรณีที่มีข่าวลือว่า มีการข่มขู่พยานในคดี สำหรับตนเองนั้นยังไม่ได้รับการข่มขู่จากใครแต่อย่างใด และไม่มีการกดดันจากผู้ใหญ่ในกระทรวงฯ ส่วนคนอื่นตนก็ไม่ทราบ ทั้งนี้ ตนเองไม่ได้กลัวการถูกข่มขู่ แต่กลัวที่เจ้าหน้าที่ปกป้องผืนป่ามาจะสูญเปล่า.-สำนักข่าวไทย