ผบช.น.ยืนยันคดีผับจินหลิงไม่ล่าช้า-ไม่มีนอกมีใน

กรุงเทพฯ 28 ธ.ค. – ผบช.น.ยืนยันสำนวนคดีผับจินหลิง ไม่ล่าช้า ไม่มีนอกมีใน การตรวจค้นครั้งที่ 2 เมื่อวานของ ป.ป.ส.เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย นครบาลไม่สามารถกระทำได้เพียงลำพัง แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ส. ผู้ทำการอายัดและยึด อาคาร สถานที่ และรถยนต์ของกลาง วอนสังคมติดตามคดีนี้ใกล้ชิด วันสรุปสำนวนของอัยการ จะทราบว่าหลักฐานของนครบาลอ่อนจริงหรือไม่


พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.จีรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. และ พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.น. ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงคดีผับจินหลิงพื้นที่ สน.ยานนาวา เพื่อให้ประชาชนรับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี

“พล.ต.ท.ธิติ” ผบช.น. เปิดเผยว่า หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของตำรวจชุดสอบสวนของนครบาล ว่าทำคดีนี้ล่าช้า มีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดีจินหลิง ผบช.น.ชี้แจงว่าขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใส และละเอียดรอบคอบ ที่สุดแล้วเนื่องจากคดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นผับจินหลิง และจับกุมนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 200 ราย และได้ทำการรวบรวมของกลางและพยานหลักฐานไว้ทั้งหมด ในพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนั้นยังดำเนินคดีได้เพียงข้อหาจำหน่ายและเสพยาเสพติดในสถานบันเทิง กับนักท่องเที่ยวที่ตรวจพบสารสีม่วง รวมถึงเจ้าของผับ ซึ่งศาลออกหมายจับและนำมาสู่การจับกุมในวันที่ 23 พ.ย.65


ขณะเดียวกันทางคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้มีคำสั่งอายัดของกลางคืออาคารจินหลิง และรถยนต์ในที่เกิดเหตุไว้ในอำนาจของ ป.ป.ส. ดังนั้นการจะเข้าตรวจสอบอาคารรอบสองจึงเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานที่ผ่านมา รวมถึงการเปิดรถยนต์ที่ไม่สามารถเปิดได้ก่อนหน้านี้ โดยสาเหตุหลักของการเข้าตรวจค้นรอบ 2 เมื่อวานนี้เนื่องจากตำรวจหรือพนักงานสอบสวนของนครบาลไม่สามารถดำเนินการได้แต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไป แต่ต้องรอให้หน่วยงานผู้อายัด ได้แก่ ป.ป.ส.พร้อม จึงจะดำเนินการได้ เช่นเดียวกับรถยนต์ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับผับจินหลิง ที่ ป.ป.ส.อายัดไว้ และเพิ่งเปิดได้เมื่อวานนั้น หากสื่อมวลชนจะย้อนกลับไปดูข่าวก่อนหน้านี้ ในวันที่เปิดตรวจสอบรถของกลาง จะทราบว่ารถดังกล่าวไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งในวันดังกล่าว ทางนครบาล 6 พยายามแล้วแต่ก็ไม่สามารถเปิดได้ จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา ได้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เจ้าหน้าที่หามาได้ จึงทำการเปิดตรวจสอบ

ส่วนการตรวจค้นเมื่อวานนี้บนอาคารจินหลิง อาคารลีลา พบว่ามีอุปกรณ์การเล่นพนัน ก็ไม่เป็นเรื่องแปลกเนื่องจากทางนครบาลเชื่อมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วก่อนเข้าตรวจค้นแล้ว ว่าอาคารดังกล่าวมีการเปิดให้มีการลักลอบเล่นการพนัน และมั่วสุมเสพยาเสพติดโดยมีลักษณะ แบบสถานบันเทิง เมื่อการตรวจค้นครั้งแรกไม่เจออุปกรณ์การเล่นการพนัน เพราะมีการซุกซ่อนเป็นอย่างดี

ส่วนกรณีอาคารวิบวับ คาร์วอช เนื่องจากวันที่ 26 ต.ค.65ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้เนื่องจากไม่มีใครแสดงตัวตนเป็นเจ้าของ ประกอบกับประตูล็อกด้วยรหัสผ่าน เจ้าหน้าที่จึงไม่สามาถเข้าดำเนินการได้ในวันดังกล่าว แต่ตำรวจเชื่อว่าในอาคารดังกล่าวจะมีสิ่งผิดกฎหมายจึงขออำนาจศาลอออกหมายค้นครั้งที่ 2 ซึ่งศาลให้ตรวจค้นได้ในวันที่ 1 พ.ย.65 เพียง 1 ชั่วโมง คือ 17.00-18.00 น. การตรวจค้นพบว่ามียาเสพติดและอาวุธปืน จึงรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้ในระยะเวลา 1 ชั่วโมง นำมาจัดเก็บและทำการบันทึก ออกเลขคดี แต่ตามที่กล่าวในข้างต้นว่าอาคารดังกล่าวไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของจึงทำให้พนักงานสอบสวนต้องถอดเทปวิดีโอวงจรปิดเพื่อหาความเชื่อมโยงและหาตัวบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของผู้ใช้สถานที่ดังกล่าว และแน่นอนว่าการถอดเทปต้องใช้เวลานานข้ามวัน แต่ในที่สุดก็พบว่าเจ้าของอาคารและผู้ใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกับผับจินหลิง จึงดำเนินการพยานหลักฐานที่ได้ จากวิบวับเข้าไปเพิ่มในสำนวนของจิ้นหลิง


ผบช.น. ยืนยันคดีนี้พนักงานสอบสวน ดำเนินการตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย มีการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบที่สุด การจะแจ้งข้อหาใครไม่สามารถทำได้ โดยไร้ความชัดเจนและหากจะช่วยเหลือผู้กระทำความผิด ทำลายหลักฐานไปตั้งแต่แรกจะดีกว่า ไม่ใช่การนำหลักฐานเข้าเพิ่มเติมอย่างที่พนักงานสอบสวนทำอยู่ อยากให้สังคมติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะในวันสรุปสำนวนของอัยการ ซึ่งคนที่จะให้คำตอบกับสังคมได้ดีที่สุดว่า พยานหลักฐานที่รวบรวมไว้นั้นน้อยหรืออ่อน หรือสมบูรณ์ ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ผบช.น. ขอร้องว่าใครก็ตามที่ติดตามคดีนี้อย่านำคดีหลงจู้สมชาย เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้เพราะคดีหลงจู้สมชาย มีการเกิดขึ้นที่ภาค 2 จริงแต่มีการสรุปและโอนสำนวนให้กองปราบปรามดำเนินการก่อนที่ตนจะไปดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จึงไม่เกี่ยวข้องกับตน แต่ตนทำได้เพียงแค่ติดตามความคืบหน้าของคดีเท่านั้น. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ