เลขาฯ รมว.ยุติธรรม เชื่อ ประสิทธิ์ แอบอมกุญแจในปาก

ก.ยุติธรรม 23 ธ.ค. – เลขาฯ รมว.ยุติธรรม แจงกรณี “ประสิทธิ์” แหกการควบคุม เชื่อแอบอมลูกกุญแจใส่ไว้ในปาก พร้อมตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง


ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าตรวจสอบกล่องเก็บเครื่องมือพันธนาการผู้ต้องขังภายในเรือนจำกลางคลองเปรม พร้อมแถลงกรณีนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในคดีฉ้อโกงประชาชนและความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พยายามหลบหนี ขณะถูกเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ควบคุมตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปเบิกความที่ศาลอาญา ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม สั่งให้กรมราชทัณฑ์ สอบสวนว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้นายประสิทธิ์ พยายามหลบหนี โดยจะใช้เวลาภายใน 1 สัปดาห์ ในการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมสั่งย้ายนายประสิทธิ์ ไปแยกขังที่เรือนจำบางขวาง และตีตรวจ และจับตาตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความเครียดจนทำร้ายตัวเอง รวมถึงสั่งงดเยี่ยม ทั้งนี้ ยืนยันว่าหากตรวจสอบแล้วพบว่าหากมีเจ้าหน้าที่กระทำทุจริตก็ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง ยอมรับว่าจะนำกรณีนี้ไปแก้ไขปรับปรุงต่อไปเพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายประสิทธิ์ ได้ถูกเบิกตัวจากเรือนจำคลองเปรมไปขึ้นศาลเป็นประจำ จนเกิดเห็นช่องโหว่ที่จะสามารถใช้ในการหลบหนี ส่วนตู้เก็บอุปกรณ์เครื่องพันธนาการเป็นเพียงตู้ไม้เก่าธรรมดาและจุดดังกล่าวไม่ได้มีกล้องวงจรปิดอีกด้วย ส่วนวันเกิดเหตุได้อธิบายว่า มีเจ้าหน้าที่พัสดี 1 คน ในการดูแลตั้งแต่การนำผู้ต้องขังมาจากเรือนนอน มายังจุดที่มีการใส่กุญแจข้อเท้า แต่ในขบวนการต่าง ๆ รวมถึงการใส่กุญแจโซ่ตรวนจะมีเจ้าหน้าที่ผู้ช่วย ที่เป็นนักโทษชั้นดี คอยช่วย และในวันดังกล่าวมีผู้ต้องขัง 3 คน และผู้ต้องขังที่จะได้ปล่อยตัวอีก 3 คน รวมเป็น 6 คน และการตรวจค้นร่างกายผู้ต้องขังจะต้องมีการตรวจค้นร่างกาย ประมาณคนละ 30 นาที


ส่วนกุญแจความมั่นคงสูงแบบ 2 ชั้น โดยจะต้องใช้ลูกกุญแจ 2 แบบ ทั้งแบบปกติ และลูกกุญแจเข็มในการแทงสลักแม่กุญแจ ต้องแทงเข็มสลักก่อนและค่อยหมุน และจากการเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้ทดสอบถอดกุญแจ ทั้ง 2 แบบ จากพวงกุญแจทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 20 วินาทีเท่านั้น ส่วนตู้ดังกล่าวเป็นเพียงตู้ไม้ธรรมดา สูงจากพื้นมาประมาณ 60 เซนติเมตร และด้านในและมีกุญแจปิดล็อก

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้มาตรวจสอบก็พบว่า กุญแจเข็มสลักจาก 5 ดอก และกุญแจปกติ 4 ดอก ก็หายไปอย่างละ 1 ดอกเช่นกัน นอกจากนี้สิ่งที่ผิดสังเกต คือปกตินายประสิทธิ์ จะชอบพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เวลามารับตัว แต่วันที่เกิดเหตุนายประสิทธิ์ พูดน้อยมาก แทบจะไม่คุยกับเจ้าหน้าที่เลย จึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าจะซ่อนกุญแจทั้ง 2 ดอกไว้ในปาก เพราะเป็นกุญแจดอกเล็ก อีกทั้งยังใส่หน้ากากอนามัยทับ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดตำรวจตรวจยึดกุญแจที่หายไปทั้ง 2 ดอก คืนมาได้แล้ว

ส่วนเจ้าหน้าที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ กรมราชทัณฑ์กำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่อยู่ แต่ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ภายในอย่างเดียวคงไม่พอ และยังเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ที่เป็นนักโทษชั้นดี อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยปลดกุญแจในการไขกำไลข้อเท้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว
นอกจากนี้ยังได้ประสานให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ว่ามีการเงินผิดปกติในช่วงเวลาที่นายประสิทธิ์ วางแผนหลบหนีหรือไม่


นอกจากนี้ยังให้ตรวจสอบเอกสารจดหมายเปิดผนึกของนายประสิทธิ์ ที่ส่งออกไประหว่างอยู่ในเรือนจำย้อนหลังไปกว่า 230 ฉบับ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ด้วย แต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติ

ส่วนประเด็นที่ว่า ชุดของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ปรากฏบนกล้องวงจรปิด คล้ายการใส่สูท ได้ชี้แจงว่า ชุดของเจ้าหน้าที่ที่ใส่นั้นเป็นสีครีม และวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้สวมแจ็คเก็ตสีดำทับทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสูท และตอบข้อสงสัยที่ว่าขณะเกิดเหตุ เหตุใดเจ้าหน้าที่ไม่เห็นว่ามีการหลบหนีได้ชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่ที่คุมตัวนายประสิทธิ์ไปห้องน้ำจดจำเครื่องแบบนักโทษ แต่เมื่อนายประสิทธิ์ได้มีการเปลี่ยนเป็นชุดปกติทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ทันได้สังเกตแต่เจ้าหน้าที่ก็เห็นว่าคนที่เดินออกไปมีความผิดปกติจึงสงสัยเข้าไปดูในห้องน้ำก็พบว่านายประสิทธิ์ ไม่อยู่จึงเข้าใจว่าชายคนดังกล่าวต้องเป็นนายประสิทธิ์แน่นอนจึงได้รีบเดินออกมาตามพร้อมตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ศาล ให้ช่วยติดตาม ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อยู่ในชุดจับกุมนายประสิทธิ์

โดยหลังจากนี้จะนำข้อผิดพลาดตรงนี้ไปปรับปรุงแก้ไข และระมัดระวังเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้นด้วย พร้อมยืนยันว่า จะไม่ยอมให้มีเจ้าหน้าที่ทุจริตต่อการทำงานอย่างแน่นอน หากพบว่าทุจริตก็จะลงโทษ ปลดออก ไล่ออก ตัดเงินเดือน ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของแต่ละเรื่อง

ส่วนจุดหมายที่ “อี๋” นายแทนคุณ จิตต์อิสระ มาส่งให้กระทรวงจะทำตรวจสอบ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ได้ชี้แจงว่าจดหมายดังกล่าว เป็นจดหมายเปิดผนึก และจากการตรวจสอบก็ได้ระงับจดหมายดังกล่าว การส่งออกจดหมาย แต่สามารถที่จะส่งออกไปเป็นเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์คิวอาร์โค้ด และจะทำการตรวจสอบว่าจดหมายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการหลบหนีในครั้งนี้หรือไม่ แต่เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้พูดว่า ตัวของนายประสิทธิ์ มีความฉลาดมากในการชักชวน จูงใจบุคคลอื่นๆ ก็อาจจะอาศัยตรงนี้ในการพูดจากับคนอื่น ๆ. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ลวงมาฆ่า จัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน 14 ล้าน

สุดโหด หนุ่มสกลนครถูกญาติตัวเองร่วมมือกับอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน ลวงมาฆ่า ก่อนจัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ 3 คัน รวม 14 ล้านบาท แต่บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพบพิรุธ แจ้งตำรวจตรวจสอบ ก่อนออกหมายจับเบื้องต้น 4 คน

พระยันตระ

ปิดตำนาน “อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตในวัย 73 ปี ที่สหรัฐ

“อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 73 ปี ที่วัดในสหรัฐอเมริกา ปิดตำนานอดีตพระภิกษุที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดรูปหนึ่งของวงการสงฆ์ไทย

อดีตผู้บังคับบัญชา “ผู้กำกับโจ้” เผยสมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร

อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดประวัติอดีตผู้กำกับโจ้ สมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร เชื่อได้รับผลกรรมที่ทำแล้ว

ข่าวแนะนำ

ผู้กำกับโจ้ตาย

ครอบครัวยื่น DSI สอบการตายอดีต ผกก.โจ้-ยันไม่เคยมอบ “อัจฉริยะ” มาดูแลคดี

ครอบครัวยื่นคำร้อง DSI ตรวจสอบหาสาเหตุการตาย อดีตผู้กำกับกับโจ้ เข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ ย้ำยังเชื่อใจตำรวจแต่ต้องการให้หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบหาข้อมูลข้อเท็จจริงด้วย พร้อมระบุไม่เคยมอบหมายให้ “อัจฉริยะ” เข้ามาดูคดีการตาย ของอดีตผู้กำกับโจ้แต่อย่างใด

ดูเตอร์เตถูกจับ

“โรดดิโก ดูเตอร์เต” ถูกจับกุมปมสงครามยาเสพติด

นายโรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกตำรวจเข้าจับกุมตามหมายจับศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ไอซีซี จากกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนในระหว่างการทำสงครามกับยาเสพติด

ผู้กำกับโจ้

“ทวี” ยันไม่ปกป้องคนผิดคดี “อดีต ผกก.โจ้” ยังไม่ย้าย ผบ.คุก

“ทวี” ยัน ไม่ปกป้องคนผิด คดีอดีต ผกก.โจ้ ยันกฎหมายอยู่เหนือระเบียบราชทัณฑ์ ยังไม่ย้าย ผบ.คุก ให้รอผลสอบสวน พร้อมโชว์สื่อเปิดวงจรปิดฉบับเต็ม