รัฐสภา 11 มี.ค.-“วันนอร์” ส่งทีมงานแจงยืนยันคำเดิมลั่น “ไม่แก้ญัตติอภิปรายไม่บรรจุระเบียบวาระ” บอกหากยื่นกลับหลัง 19 มี.ค. จะอดอภิปรายสมัยประชุมนี้ ขณะ “มุข” แนะฝ่ายค้านถอยเพื่อให้ได้อภิปราย มั่นใจสังคมรู้ว่าเป็นใคร แม้ไม่ระบุชื่อในญัตติ
ว่าที่ร.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์. เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมทีมงานประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่าหลังจาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรึกษาหารือกัน กรณีฝ่ายค้านยื่นคำโต้แย้งเรื่องให้ถอดชื่อคนนอกออกจากญัตติ โดยมี นายวัน มูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานในการหารือ ประธานเห็นว่าว่า ญัตติที่พาดพิงถึงบุคคล ภายนอก ถือว่าไม่ถูกต้องตามข้อบังคับการประชุมและตามรัฐธรรมนูญ จึงมีดุลยพินิจว่า ฝ่ายค้านจะต้องแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วาง โดยตัดชื่อบุคคลภายนอกออก ซึ่งยึดตามบรรทัดฐานในอดีต โดยให้สำนักการประชุมไดตรวจสอบแล้วในอดีตไม่มี ญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจที่กล่าวถึงชื่อบุคคลภายนอก มี แต่ใช้คำว่าบุคคลในครอบครัว อดีตสมาชิก ไม่มีการระบุชื่อโดยตรงในญัตติ จึงถือเป็นบรรทัดฐาน อย่างไรก็ตามญัตติที่การกล่าวถึงบุคคลภายนอกเคยมีเมื่อปี 2529 โดยมีการกล่าวถึง ชื่อบริษัทหนึ่ง แต่ในยุคนั้นมีเอกสิทธิ์ คุ้มครองร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้พาดพิงบุคคลภายนอกก็ไม่สามารถฟ้องร้องได้ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญพัฒนามา หากพาดพิงบุคคลภายนอกให้เสียหายก็สามารถฟ้องร้องได้ ก็ไม่มี ส่วนที่ ระบุว่าเมื่อมีการอภิปรายแล้วบุคคลภายนอกสามารถมายื่นคำชี้แจงได้นั้น ต้องแยกส่วนต่างหาก เพราะเป็นส่วนของการอภิปราย แต่กรณีนี้ เป็นการระบุชื่อในญัตติ เมื่อญัตติเผยแพร่ มีชื่อบุคคลภายนอกแล้ว บุคคลที่มีชื่อไม่สามารถที่จะชี้แจงในลักษณะถ้าไม่ถูกอภิปรายได้
ถือเป็นกรณีที่แตกต่างกัน
“ท่านประธานจึงไม่ได้ให้ บรรจุระเบียบวาระ จริงอยู่ส่วนหนึ่งบอกว่า หากมีการพาดพิงถึงบุคคลภายนอกก็พร้อมรับผิดชอบ แต่ท่านก็บอกว่าในฐานะที่ท่านเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ ค่าซื่อ ขแงบุคคลภายนอกไปปรากฏใน ญัตติปรากฏต่อสาธารณชน แล้วท่านก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเหมือนกัน เพราะท่านเป็นคน อนุญาต ใช้อำนาจอนุญาตให้บรรจุญัตติในส่วนนี้ ท่านประธานจึงเห็นว่าคนที่จะต้องตัดบุคคลภายนอกออกไป ตอนนี้ท่านมีดำริให้นโยบายมา ว่าถ้าไม่แก้ ก็ไม่บรรจุ” เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าว
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกล่าวด้วยว่า ในนาม สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรก็จะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่าให้แก้ไขญัตติดังกล่าว ซึ่งหากแก้ไขและยื่นกลับมาเลย จะทันการอภิปราย ในวันที่ 24 มี.ค.นี้ แต่หากยื่นมาหลังวันที่ 19 มี.ค. ก็จะไม่ทัน การอภิปรายในสมัยประชุมนี้ เพราะจะปิดสมัยประชุมในเดือนเมษายนแล้ว
ด้าน นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าเพื่อให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งทุกคนก็อยากฟัง รวมทั้งตนก็อยากฟัง จึงคิดว่าฝ่ายค้านน่าจะถอยไปอีกก้าวหนึ่ง และเวลาที่อภิปรายแม้ไม่ระบุชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่ง ตนก็เชื่อว่าสังคมรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร เพราะฉะนั้นตนคิดว่าไม่เห็นมีข้อแตกต่างอะไรมากนัก ในการที่ระบุชื่อหรือไม่ระบุชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ดังนั้นเพื่อให้เกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ครั้งนี้ จึงอยากให้เป็นข้อคิดของฝ่ายค้านช่วยลองนึกคิดพิจารณา และคำนึงถึงสาระสำคัญ ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อย่าเอาเรื่องอื่นที่มีความสำคัญน้อยกว่า มาเป็นประเด็นหลัก ถ้าไม่มีการอภิปรายก็จะรู้สึกเสียดาย ทั้งนี้ย้ำว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร จำเป็นต้องคำนึงถึง ความสงบเรียบร้อยในวันอภิปราย เพื่อไม่อยากให้มีการประท้วงวุ่นวาย เกรงว่าจะไม่มีการอภิปรายด้วยซ้ำ เพราะความวุ่นวาย ในสภาเคยเกิดขึ้นแล้ว ถึงขั้นล็อคคอประธานลงจากบัลลังก์ก็เคยมี ซึ่งเราไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ประธานจึงคิดว่าควรระงับไว้ก่อนเกิดเหตุ จึงเชื่อว่าความรอบคอบของประธาน จึงต้องเข้มงวดในเรื่องนี้ จึงขอฝากไว้เป็นข้อคิด
ด้านนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประทางสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีการพาดพิงว่าการที่ประธานให้ ถอดชื่อ บุคคลภายนอกในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะมีคนไปขอ ว่าตนขอยืนยันว่าเรื่องนี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรตัดสินใจด้วยวิจารณญาณของ ตัวเองโดยไม่มีใครไปขอ ซึ่งตนอยู่กับ นายวันมูหะมัดนอร์มาเกือบ 40ปี ยืนยันว่าไม่ได้ นายวันมูหะมัดนอร์ไม่ได้เป็นคนเช่นนั้ และเดือนนี้เป็นเดือนรอมฎอน เดือนถือศีลอดของชาวคนมุสลิม ไม่มีการพูดปด ด้านนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎรยืนยัน ประธานพูดอยู่เสมอว่า ต้องวางตัวเป็นกลาง.-312 -สำนักข่าวไทย