กรุงเทพฯ 11 มี.ค. – ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี เป็นไปตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หวั่นปัญหาขึ้นภาษีของ “ทรัมป์” กระทบเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสูภาวะถดถอย และเศรษฐกิจจีนอาจเกิดภาวะเงินฝืด
ช่วงเช้านี้ หุ้นไทยยังลงต่อเนื่อง เมื่อเวลา 10.58 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,161.41 จุด ลดลงราว 16 จุด นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า หุ้นไทยลดลงเช้านี้แตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปี เป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ยังคงกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ของสหรัฐ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับว่า ช่วงเปลี่ยนการลงทุนจากหุ้นไปสู่พันธบัตรมากขึ้นเพราะมีความเสี่ยงต่ำกว่า ในขณะที่บ้านเราเองก็จะเห็นได้ว่ามีข้อจำกัดในเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากวานนี้เงินดิจิทัลเฟส 3 ที่ออกมาแจกเงินหมื่นแก่กลุ่มวัยรุ่นมีเม็ดเงินเพียง 2.7 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ภาพรวมของนักลงทุนในตอนนี้อยู่ในภาวะ Risk-off ทำให้มีการโยกเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีแรงเทขายออกมา และกระทบต่อ sentiment ของหุ้นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะแรงขาย DELTA ที่ยังกดดันดัชนี
อีกทั้งตลาดหุ้นบ้านเรายังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามาจากในประเทศ และปัจจัยบวกจากฝั่งจีน ทำให้ยังขาดแรงส่งหนุนให้ดัชนีฟื้นกลับขึ้นมาได้ โดยที่มีแนวรับที่สำคัญอยู่ที่ 1,150 จุด เป็นแนวรับแรก หากหลุดมีโอกาสไหลลงได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,180 จุด
ด้านตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงในวันนี้ (11 มี.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดิ่งลงอย่างหนักในวันจันทร์ (10 มี.ค.) มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะถดถอย โกลด์แมน แซคส์ ประกาศปรับเพิ่มโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะถดถอยเป็น 20% จากเดิมที่ระดับ 15% โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกระทบต่อการจ้างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
มอร์แกน สแตนลีย์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ในปีนี้ ลงสู่ระดับ 1.5% จากเดิมที่ระดับ 1.9% เนื่องจากผลกระทบของนโยบายการค้าและการควบคุมผู้อพยพเข้าประเทศมีความรุนแรงมากกว่าที่ประเมินไว้
นายเดิร์ก วิลเลอร์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์มหภาค การจัดสรรสินทรัพย์ และตลาดเกิดใหม่ของซิตี้ ระบุว่า ซิตี้ให้น้ำหนักหุ้นสหรัฐฯ ที่ overweight มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 แต่เป็นที่ชัดเจนมากขึ้นว่า ความสามารถในการทำผลงานได้ดีกว่าตลาดนั้นกำลังหยุดชะงัก ในขณะเดียวกัน หุ้นจีนยังคงน่าสนใจแม้ราคาพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของดีปซีค (DeepSeek) การสนับสนุนจากรัฐบาลต่อภาคเทคโนโลยี และมูลค่าหุ้นที่ยังคงถูก ช่วงนี้จึงปรับลดคำแนะนำหุ้นสหรัฐฯ สู่ “neutral” ปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้นจีนเป็น “overweight” และคงคำแนะนำสำหรับหุ้นโดยรวมไว้ที่ “neutral”
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินความเสี่ยงด้านเงินฝืดยังกดดันเศรษฐกิจจีน หลังจากเงินเฟ้อจีน ก.พ.68 อยู่ที่ติดลบ 0.7% ติดลบครั้งแรกในรอบ 13 เดือน องค์ประกอบของเงินเฟ้อชะลอลงจากเดือนก่อนในทุกด้าน สะท้อนว่าผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย นอกจากนี้การแข่งขันด้านราคาของผู้ประกอบการในจีน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นอีกปัจจัยสำคัญ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าความเสี่ยงด้านเงินฝืดจะยังคงกดดันเศรษฐกิจจีนในปี 2568 แม้ในการประชุมสองสภาล่าสุดทางการจีนระบุว่าจะเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นตลอดทั้งปี การแข่งขันทางด้านราคาและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีนจะยังกดดันการใช้จ่ายผู้บริโภค ทั้งนี้ ล่าสุดทางการจีนได้ปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อมาอยู่ที่ 2% จาก 3%. -511- สำนักข่าวไทย
