ชลบุรี 1 พ.ย. – “บิ๊กโจ๊ก” รอง ผบ.ตร. เผยคดีตัดนิ้วเรียกค่าไถ่ 30 ล้านบาท เกี่ยวข้องกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ และเกิดความขัดแย้งกันในกลุ่ม แต่ไม่พบความเชื่อมโยงกลุ่มนายทุนจีนเปิดบ่อน
อีกคดีใหญ่ ชาวจีนที่พัทยาถูกแก๊งคนร้ายสัญชาติเดียวกันอุ้มไปตัดนิ้ว เรียกค่าไถ่ 30 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านที่แก๊งคนร้ายนำตัวผู้เสียหายมากักขังไว้เป็นจุดแรก หลังพาตัวมาจากวอล์คกิ้งสตรีท พัทยาใต้ พบหลักฐานสำคัญ ทั้งเชือกและเทปกาว ลักษณะคล้ายกับที่ปรากฏในคลิปที่แก๊งคนร้ายส่งไปขู่เรียกเงิน นอกจากนี้ยังพบมีดที่เชื่อว่าเป็นมีดที่ใช้ในการตัดนิ้วผู้เสียหายด้วย
เรียกสอบเจ้าหน้าที่ ตม. ปมออกวีซ่าแก๊งคนจีน
เมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ บอกว่าข้อมูลของผู้กระทำผิดเป็นขบวนการของคนจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายทั้งหมด เป็นบุคคลที่อยู่ในไทยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือโอเวอร์สเตย์ มากว่า 1 ปี และใช้วีซ่าการขออยู่ต่อในรูปแบบของนักเรียน โดยฝ่ายผู้ต้องหาได้ไปยื่นขอต่อวีซ่าที่ ตม.อุดรธานี ส่วนทางผู้เสียหายได้ไปขอต่อวีซ่าที่ ตม.แพร่ ซึ่งจะต้องเรียก ผกก.ตม.อุดรธานี และสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดแพร่ มาสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการต่อวีซ่านักเรียนให้กับกลุ่มชาวจีนเหล่านี้ ทั้งที่ไม่ได้เป็นนักเรียน แต่กลับให้มาอยู่ในประเทศไทย
ตม.อุดรฯ ให้ข้อมูลปมออกวีซ่าแก๊งชาวจีนเรียกค่าไถ่
ทีมข่าวได้ไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอุดรธานี ไปพบกับ พ.ต.ท.ปรีชา ประดิษฐ์ศิลป์ สารวัตรใหญ่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอุดรธานี แต่เจ้าตัวไม่ได้ให้สัมภาษณ์ เพียงแต่ให้ข้อมูลว่าตอนนี้ทางผู้บังคับบัญชาเร่งให้รวบรวมข้อมูลของผู้ต้องหา และมีการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว พบว่ามีชาวจีนและชาวต่างชาติมาขอทำเรื่องอยู่ต่อในช่วงโควิดระบาดเมื่อปี 2564 เพราะชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางกลับไปยังประเทศของตัวเองได้ ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดไปรายงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แก๊งชาวจีนตัดนิ้วเรียกค่าไถ่ไม่เชื่อมโยงกลุ่มนายทุนจีนเปิดบ่อน
ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่ายังมีผู้ร่วมก่อเหตุในคดีนี้อีก 2 คนที่ยังหลบหนี โดยคดีนี้เกี่ยวข้องกับเครือข่าย Call Center และเกิดความขัดแย้งกันในกลุ่ม ซึ่งไม่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มนายทุนจีนที่เปิดสถานประกอบการผิดกฎหมายประเภทอื่น.-สำนักข่าวไทย