หญิงถูกจับหลังซื้อรถป้ายแดง ปรึกษาอัยการคุ้มครองผู้บริโภค

กรุงเทพฯ 29 ต.ค. – ผู้เสียหายซื้อรถป้ายแดง​ ทราบภายหลังเป็นป้ายทะเบียนปลอม​ หลังถูกตำรวจจับแจ้งข้อหา​ดำเนินคดี เข้ากับ​ปรึกษาอัยการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนของคดีความ


วันนี้​ (29 ต.ค.)​ เมื่อเวลา​ 13.00​ น.​ ที่​สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคุ้มครองสิทธิเเละช่วยเหลือกฎหมายทางกฎหมายประชาชน​ สำนักงานอัยการสูงสุด​ ถนนรัชดาภิเษก​ นางสาว​บี​ นามสมมุติ​ ผู้เสียหาย​ เดินทางเข้าปรึกษาอัยการคุ้มครองผู้บริโภค​ หลังซื้อรถยนต์ปิคอัพจากโชว์รูมย่านตลิ่งชัน ออกรถป้ายแดงมา​แล้ว ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมบริเวณทางด่วนบางนาบูรพาวิถี ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว​ จ.สมุทรปราการ ดำเนินคดีอาญา​ จึงเดินทางเข้า​มาขอคำปรึกษาจากอัยการคุ้มครองผู้บริโภค

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) เเละโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เเละ น.ส.จีรวรรณ นิลอุบล อัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภค เป็นผู้รับเรื่องเเละรับฟังข้อเท็จจริง


ภายหลังรับฟังข้อเท็จจริง นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า สคช. เรามีหน่วยงานฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภค เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียน โดยผู้เสียหายเข้ามาที่สำนักงานก็จะมีทนายอาสา ดำเนินการสอบข้อเท็จจริง โดยมีอัยการพิเศษฝ่าย เข้าร่วมสอบข้อเท็จจริงด้วย โดยภารกิจของการคุ้มครองผู้บริโภค เราจะช่วยเหลือกฎหมายและเยียวยาโดยการเรียกร้องสิทธิให้

เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียหาย โดนแจ้งข้อหา มีและใช้เอกสารราชการปลอม จากกรณีติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม หลังจากผู้เสียหายเข้ามา ตนเองได้ไปยืมป้ายทะเบียนป้ายแดง จากศูนย์รถแห่งหนึ่งย่านรัชดา พร้อมให้ผู้เสียหายอธิบายความแตกต่างจากป้ายที่ตนเอง ถูกแจ้งข้อหา จะเห็นได้ว่า ความแตกต่าง คือ ป้ายทะเบียนของจริง จะมีลายน้ำพร้อมมีตัวเลขเล็กๆ กำกับอยู่ด้านซ้ายล่าง และด้านขวาจะมีตราขนส่งอยู่ ซึ่งป้ายปลอมที่ผู้เสียหายถูกดำเนินคดี ไม่มีลักษณะดังกล่าวและป้ายที่แท้จริงต้องมีเล่มรถกำกับ

กรณีนี้ผู้เสียหาย ถูกตำรวจแจ้งข้อหาและนำตัวเข้าห้องควบคุม ของ สภ.บางแก้ว นานกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนจะได้รับการประกันตัวออกมา ซึ่งเรื่องแรกที่ผู้เสียหายมาขอความช่วยเหลือ คือ ห่วงเรื่องคดีอาญาที่ถูกดำเนินคดี ซึ่งทางอัยการ สคช. ได้ให้ความรู้ถึงกระบวนการ ตั้งแต่ชั้นจับกุมขึ้นไป และแนะนำผู้เสียหายให้รู้ถึงสิทธิ เพราะอัยการ สคช. ไม่มีหน้าที่ไปฟ้องใคร แต่มีหน้าที่ให้ความรู้ ในกระบวนการที่ถูกต้อง เพื่อใช้สู้คดี ในกรณีที่ต้องคดีอาญา ซึ่ง ป.วิอาญา กำหนดไว้ว่า พนักงานสอบสวน จะต้องสอบให้ได้ความจริงทั้ง 2 ฝ่าย ต้องสอบให้ได้ว่า ผู้ต้องหาได้กระทำผิด หรือ บริสุทธิ์ ไม่ใช่สอบเพื่อเอาผิดอย่างเดียว โดยหลังจากสอบสวนดำเนินคดีแล้ว พนักงานสอบสวน จะทำความเห็นส่งอัยการว่าควรจะสั่งฟ้อง หรือไม่ควรสั่งฟ้อง พร้อมแนบเหตุผลประกอบ พนักงานอัยการก็จะพิจารณาตามพยานหลักฐาน เพื่อพิจารณาและมีคำสั่งทางคดีต่อไป


โดยหลังจากสอบข้อเท็จจริง ทางอัยการจะขอทราบความประสงค์ของผู้เสียหายว่า ประสงค์จะได้รับการเยียวยาอย่างไรบ้าง และจะช่วยเหลือ ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นนโยบายของ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุดที่สั่งการให้อัยการ สคช. ปฏิบัติหน้าที่เชิงรุก

เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ผู้เสียหาย มายื่นร้องขออัยการ จะถูกส่งไปยังสำนวนคดีอาญาที่มีการพิจารณาด้วยหรือไม่ นายโกศลวัฒน์ ตอบว่าอาจจะมีการส่งไป ถ้าอัยการที่ทำคดีถามมา และเมื่อถามว่าจะมีการฟ้องคดีผู้บริโภคกับเซลล์ และศูนย์รถยนต์ หรือไม่ นายโกศลวัฒน์ ตอบว่า อัยการคุ้มครองผู้บริโภค มีอำนาจจะฟ้องคดีให้ได้ และเป็นบริการฟรีไม่เสียเงิน ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่ผู้ร้องกล่าว ก็ฟ้องได้ แต่เบื้องต้น ต้องเชิญ ศูนย์รถ หรือเซลล์ เข้ามาพูดคุยหรือเจรจากันก่อน ว่าจะเยียวยาแก้ไขอย่างไร ถ้าเจรจากันได้ก็ไม่ต้องดำเนินคดี ส่วนมากจะจบที่การไกล่เกลี่ย

เมื่อถามว่า ถ้าข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่ร้องผลคดีจะเปลี่ยนไปหรือไม่ นายโกศลวัฒน์ เผยว่าการดำเนินคดีอาญา คือ การนำความจริงมาดำเนินคดีทางกฎหมาย ข้อมูลจะต้องเป็นไปตามความจริงว่า เกิดอะไรขึ้นในส่วนนี้ก็ต้องให้เวลาการสืบสวนของตำรวจ ซึ่งในกระบวนการดำเนินคดีอาญา พยานหลักฐานจะต้องเข้าสู่สำนวนโดยชอบ

ขณะที่ผู้เสียหาย กล่าวตอบคำถามจะดำเนินคดีกับเซลล์ขายรถและศูนย์รถยนต์หรือไม่ ว่าในเบื้องต้นยังไม่คิดดำเนินคดีกับใคร อยากได้รับความเป็นธรรมในคดี ซึ่งวันนี้ได้รับความเมตตา จากอัยการที่เข้ามาดูแล ซึ่งได้รับคำแนะนำที่ดีมาก อธิบายละเอียดจนทำให้เข้าใจทุกอย่าง จริงๆ เรื่องนี้ เราไม่ควรจะถึงขั้นไปฟ้อง เเต่คนที่ทำควรออกมารับผิดชอบ หลังจากได้คุยกับอัยการ วันนี้สบายใจมากที่สุด เพราะที่ผ่านมา รู้สึกว่า ไม่ได้ทำผิดอะไร บริสุทธิ์ใจมาโดยตลอด แต่กลายเป็นว่า เราจะมีรถสักคัน กลับกลายเป็นปัญหา จากการหาข้อมูลพบว่า นอกจากเราแล้ว ก็เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมานานแต่กลับไม่มีใครถูกดำเนินคดี เรื่องที่ศูนย์รถ ส่งมอบป้ายทะเบียนป้ายแดงปลอมมีมานานแล้ว ที่ผ่านมาไม่มีใครโดนจับ ทำไมเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไขสักที ทั้งที่มีมานานแล้ว แต่ละคนจะมีเหตุผลในมุมของตัวเอง อย่างตนเองเดือดร้อนเพราะถูกดำเนินคดี คนขายรถเดือดร้อนเพราะป้ายแดงขนส่งมีไม่พอ ทางศูนย์ก็เดือดร้อนเพราะขายรถไม่ได้ กลายเป็นว่า ทุกคนเดือดร้อนไปหมดไม่มีการแก้ปัญหา ต้องรอให้เป็นข่าวกันก่อนหรืออย่างไร

เมื่อถามว่าศูนย์รถ ติดต่อมาหรือไม่ บอกตามตรงว่า ยังไม่มี เราโดนแจ้งข้อหาในคดีอาญาที่จะไปขอให้การเพิ่มเติม เพื่อให้ทางพนักงานสอบสวน ทราบข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน เพื่อจะให้พนักงานสอบสวน ทำความเห็นสมควรสั่งไม่ฟ้อง เราจึงอยากขอให้พนักงานสอบสวน ที่เป็นเจ้าของคดี ให้ตนเองได้นำความจริงไปให้การเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]