บุกร้านทำป้ายทะเบียนปลอมกลางกรุง รวบ 2 วัยรุ่นมือผลิต

กทม. 13 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์ บุกร้านผลิตป้ายทะเบียนปลอมกลางกรุง รวบ 2 วัยรุ่นมือผลิต พบส่งขายออนไลน์ทั่วไทย ฟันรายได้กว่า 6 แสน


สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ โดย กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้สืบพบเบาะแส การลักลอบจำหน่ายแผ่นป้ายทะเบียนยานพาหนะปลอมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จึงได้ทำการตรวจสอบ และทดลองสั่งซื้อแผ่นป้ายทะเบียนจากร้านค้าออนไลน์ดังกล่าว จำนวน 1 แผ่น ราคา 498 บาท โดยการชำระเงินผ่านระบบจ่ายเงินของแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ เมื่อตรวจสอบสินค้าที่ได้รับ พบว่าป้ายทะเบียนยานพาหนะดังกล่าว มีลักษณะคล้ายกับที่กรมการขนส่งทางบกผลิตขึ้นเพื่อใช้ในราชการ แต่ไม่มีลายน้ำและไม่มีสัญลักษณ์จากกรมการขนส่งทางบก จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องมาลงโทษตามกฎหมาย เนื่องจากป้ายทะเบียนรถปลอมถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คนร้ายสามารถนำไปใช้ก่อเหตุในการกระทำความผิดได้ ต่อมา ว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พร้อมชุดสืบสวนจึงได้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมข้อมูลเรื่อยมา ทำให้ทราบว่า ป้ายทะเบียนดังกล่าวส่งมาจากผู้ใช้บัญชีร้านค้าออนไลน์ชื่อบัญชี i_nus บนแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์และเจ้าหน้าที่ยังสืบสวนจนทราบแหล่งผลิต


เบื้องต้น พบข้อมูลประวัติการขายสินค้าประเภทแผ่นป้ายทะเบียนยานพาหนะให้แก่ลูกค้าผ่านช่องทางดังกล่าวมาแล้ว จำนวน 1,131 รายการ โดยส่งสินค้าให้ลูกค้าไปทั่วประเทศ คิดเป็นรายได้รวมกว่า 600,000 บาท อีกทั้ง ยังพบข้อมูลความเชื่อมโยงกับบัญชีเฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อ “Welovecarplate รับทำป้ายทะเบียนรถยนต์ทุกประเภท” และเว็บไซต์ “Weloveplate” ซึ่งมีการระบุข้อความบนหน้าเว็บไซต์ว่า “รับทำป้ายทะเบียนรถยนต์ทุกประเภทแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นป้ายรถยนต์, มอเตอร์ไซต์, ป้ายแดง และป้ายทะเบียนรถชนิดอื่นๆ ทุกรูปแบบ” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้นพื้นที่เป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวได้สำเร็จ

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.ชนทัช วุฒิภัทรโสภณ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 หัวหน้าชุด พร้อมด้วย พ.ต.ท.วีระศักดิ์ แก้วเนียม รอง ผกก.ฯ, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์, พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ, และ พ.ต.ต.วินัย ชมพุฒ สว.ฯ พร้อมกำลังชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ร่วมนำหมายค้นจากศาลอาญาธนบุรี เข้าตรวจค้น ร้านที่ตั้งอยู่ริมถนนตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พบนายอนันต์ดา อายุ 24 ปี และนายศิริวัธร์ อายุ 27 ปี อยู่ภายในร้าน จากการตรวจค้น พบอุปกรณ์สำหรับการผลิตแผ่นป้ายทะเบียนรถปลอมอาทิ เครื่องปั๊มแผ่นป้าย, เครื่องตัด, แผ่นอลูมิเนียมที่ใช้ในการทำแผ่นป้ายทะเบียน, แม่พิมพ์ตัวเลข และตัวอักษรชนิดต่างๆ, สีน้ำมัน และป้ายทะเบียนรถที่ผลิตเสร็จแล้วพร้อมจัดส่งให้ลูกค้าเป็นจำนวนมาก รวมทั้งหลักฐานอื่นๆ อยู่ภายในบริเวณร้าน

จากการสอบถาม ทั้ง 2 คน ยอมรับว่าเป็นพนักงานอยู่ภายในร้านดังกล่าวจริง มีหน้าที่ร่วมกันจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนรถ โดยรับข้อมูลการสั่งทำแผ่นป้ายทะเบียนรถผ่านแอปพลิเคชันไลน์จากเฮียที่เป็นนายจ้างอยู่ระหว่างขยายผลจับกุมหลังได้ข้อมูลจากนายจ้างแล้ว นายอนันต์ดา จะเป็นผู้นำแผ่นอลูมิเนียมที่ผ่านการติดสติกเกอร์สะท้อนแสงไว้แล้ว ไปปั๊มตัวเลขและอักษรเป็นตัวนูน โดยใช้แท่นปั๊มตามแม่พิมพ์ จากนั้นก็ทำการตัดแต่งขอบป้ายทะเบียนให้เรียบร้อย ก่อนส่งต่อให้นายศิริวัธร์นำไปทาสีตัวเลขและตัวอักษรตามประเภทของยานพาหนะที่ลูกค้าต้องการ เมื่อจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนเสร็จแล้ว ก็จะถูกนำมาบรรจุใส่ซองกันกระแทกเพื่อเตรียมจัดส่งให้ลูกค้าในวันถัดไป โดยทั้ง 2 สามารถผลิตแผ่นป้ายทะเบียนได้มากถึง 40-50 แผ่นต่อวัน
และจะถูกนำไปจำหน่ายในราคาประมาณแผ่นละ 400-450 บาท


ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ” และ “ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท” พร้อมตรวจยึดของกลางทั้งหมด และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนขยายผลไปถึงตัวการผู้จ้างวานของขบวนการนี้ เพื่อนำตัวมาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อให้การป้องกันปราบปรามขบวนการดังกล่าวเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเด็ดขาด ตลอดจนขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน หากต้องการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับป้ายทะเบียนรถ ขอให้ติดต่อกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อดำเนินการเท่านั้น มิเช่นนั้น อาจตกเป็นเหยื่อหรือผู้ต้องหาของขบวนการปลอมแปลงป้ายทะเบียนรถได้ .-419 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]