ตร. 5 ก.ย.- รองโฆษก ตร. เผยความคืบหน้าคดีตำรวจหญิงทำร้ายอดีตทหารหญิง ล่าสุด สภ.เมืองราชบุรี แจ้งข้อหาผู้ต้องหาชายอีก 1 ราย ใน 3 ข้อหา รวมถึงคดีค้ามนุษย์ และนำตัวยื่นฝากขังต่อศาล พร้อมค้านประกัน ส่วนคดีของ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี อยู่ระหว่างสอบปากคำเพิ่ม และรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าเพิ่มเติมกรณีตำรวจสันติบาลหญิงทำร้ายร่างกายอดีตทหารหญิงได้รับบาดเจ็บ
ความคืบหน้าในส่วนของการดำเนินคดีอาญา สภ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ในวันนี้ (5 ก.ย.65) พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาชายอีก 1 ราย ในข้อหาบังคับใช้แรงงานหรือบริการ ตามมาตรา 6/1 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตาม ป.อ.มาตรา 295, ข่มขืนใจผู้อื่นโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย ขู่เข็ญและใช้กำลังประทุษร้าย ตาม ป.อ.มาตรา 309 และได้พาตัวผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดราชบุรี เพื่อขอให้ศาลออกหมายขัง โดยพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัว รวมถึงพนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก อยู่ระหว่างรอผลตรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานตามขั้นตอนของกฎหมาย สรุปสำนวนคดีส่งพนักงานอัยการภายใต้กรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ในส่วนการดำเนินคดีของ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการสอบปากคำผู้ต้องหาหญิงที่เรือนจำจังหวัดราชบุรีเพิ่มเติม และสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม รวมถึงรอผลการตรวจเปรียบเทียบทางนิติวิทยาศาสตร์ และทำการสอบปากคำพยานประกอบคดีไปแล้ว 5 ปาก โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนกฎหมาย เพื่อสรุปสำนวนคดีตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับการปฏิบัติของเจ้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนอย่างตรงไปตรงไปมา ทั้งในส่วนของการดำเนินการทางวินัยและการดำเนินการในทางคดีอาญา ด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน อีกทั้งเพื่อป้องกันให้สังคมเกิดความสับสนและเสียรูปคดี จึงขอความร่วมมือติดตามข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวต่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่าได้ดำเนินการตามมาตรฐานเดียวกันทั้งในส่วนการดำเนินคดีทางอาญาและการดำเนินการทางวินัย โดยดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ภายใต้กรอบระยะเวลาที่กำหนดและกฎหมายที่ได้ให้อำนาจไว้ และให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์เหนือใคร และกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องการกระทำผิดส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดภาพรวมทั้งหมดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ.-สำนักข่าวไทย