แพทย์แนะคัดกรองไตวาย ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

กรุงเทพฯ15ก.ย.-ผู้เชี่ยวชาญโรคไต ชี้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังเพิ่มขึ้นทุกปี ต้องคัดกรองให้พบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกเพื่อรักษาและชะลอการเสื่อมของไตให้นานขึ้น พร้อมเผยกำลังพัฒนาชุดตรวจคัดกรอง หวังกระจายใช้ตาม รพ.สต.เพื่อให้ตรวจคัดกรองได้ครอบคลุมมากขึ้น รศ.นพ.ณัฐชัย ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคไตในภาวะวิกฤติ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรคไตวายเรื้อรังเป็นปัญหาของประเทศไทย โดยมีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 8 ล้านคนและเพิ่มขึ้นทุกปี แม้รัฐบาลจะสนับสนุนค่าฟอกไตให้คนไทยทุกคน แต่ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้นถ้าสามารถตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก็จะช่วยลดผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องฟอกไตในอนาคตได้ “ปกติโรคไตในระยะแรกๆ จะยังไม่ค่อยมีอาการ ไม่บวม ปัสสาวะปกติออกดี จะมีอาการก็ต่อเมื่อเป็นเยอะแล้ว เช่น ไตทำงานลดลงจนต่ำกว่า 30% จนกระทั่งไตทำงานน้อยลงจนต้องฟอกไต แต่หากตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและเข้าสู่กระบวนการรักษาได้เร็ว มีโอกาสชะลอการเสื่อม ของไตได้ดีขึ้น” รศ.นพ.ณัฐชัย รศ.นพ.ณัฐชัย กล่าวต่อไปว่า ด้วยเหตุนี้ จึงได้ร่วมกับ นพ.ไตรรักษ์ พิสิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร.กิตตินันท์ โกมลภิส สถาบันวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพและวิศวกรรมพันธุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาชุดตรวจระดับโปรตีนในปัสสาวะหรืออาจจะเรียกว่าเป็นแถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรัง คล้ายๆ แถบตรวจการตั้งครรภ์ เน้นการออกแบบให้ใช้งานง่าย กระจายไปตามชุมชนหรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลได้ เพื่อให้การคัดกรองมีความครอบคลุมมากขึ้น เจอผู้ป่วยในระยะเริ่มต้นเร็วขึ้น รศ.นพ.ณัฐชัย กล่าวด้วยว่า การทำงานของแถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรังจะเคลือบด้วยแอนตี้บอดีที่มีความจำเพาะต่อไข่ขาวในปัสสาวะ […]

คนใกล้ชิดนักบอลโควิด ผลออกแล้ว 421 คนเป็นลบ

สำนักข่าวไทย 15 ก.ย.-ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป ย้ำผลตรวจนักฟุตบอลอุซเบกิสถาน พบเชื้อโควิด-19 น้อยตั้งแต่วันแรกที่ตรวจ และ 14 ก.ย.ไม่พบเชื้อแล้ว ส่วนผลตรวจผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 508 คน ออกแล้ว 421 คน เป็นลบ เหลือ 39 คน รอผลตรวจ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงผลการสอบสวนโรคกรณีนักฟุตบอลชาวอุซเบกิสถาน วัย 29 ปี สโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ต ติดโควิด-19 ว่า ในการตรวจหาเชื้อในนักฟุตบอล พบสารพันธุกรรมในปริมาณน้อย เมื่อตรวจพบครั้งแรกวันที่ 10 ก.ย. และ ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ผลตรวจไม่พบเชื้อโควิดในร่างกายแล้ว โดยผลการตรวจยืนยันเชื้อที่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับนักฟุตบอลรายนี้ พบให้ผลเป็นลบทั้งหมด โดยข้อมูลจากรมควบคุมโรคพบว่า ในผู้สัมผัสที่เกี่ยวข้องกับนักฟุตบอลรายนี้ในทุกสถานที่มี 508 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 100 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 408 […]

“อนุทิน” ประสานทุกประเทศให้ไทยมีวัคซีนโควิด

“อนุทิน” ย้ำจุดยืนประสานทุกหน่วยงานในทุกประเทศให้ไทยมีวัคซีนโควิด ส่วนกรณีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย ประสานฝ่ายปกครองให้เร่งผลักดันกลับทั้งหมด

ระวังโรคไข้เลือดออก แพร่ระบาดต่อเนื่อง

กรมควบคุมโรค 15 ก.ย.-แพทย์ห่วงโรคไข้เลือดออก แพร่ระบาดต่อเนื่องยังไม่สงบ ย้ำประชาชนทุกคนช่วยหยุดยั้งได้ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในเขตพื้นที่รับผิดชอบ (จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด) ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-29 สิงหาคม 2563 พบผู้ป่วย 6,029 ราย เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ครองสถิติสูงอันดับที่ 2 ของประเทศ นพ.ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในขณะนี้ เนื่องจากมีฝนตกชุกในหลายพื้นที่ ทำให้มีแหล่งน้ำขังตามภาชนะเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลสถานการณ์โรคที่เฝ้าระวัง พบว่า ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ยังพบจำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสมเพิ่มขึ้น ดังรายงานที่แจ้งข้างต้น หากจะถามว่าเหตุใดโรคไข้เลือดออกจึงยังเป็นปัญหาในพื้นที่ คงต้องถามต่อว่าประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือในการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายเต็มที่แล้วหรือยัง หากตอบว่ายังไม่เต็มที่ นั่นคืออุปสรรคสำคัญในการแก้ปัญหาของโรคไข้เลือดออกให้ลดลงไป ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดในบทบาท ที่ทุกคนคาดหวังให้ อสม.หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำหน้าที่กำจัดลูกน้ำยุงลายในบริเวณบ้านเรือนของประชาชน ควรปรับความเข้าใจใหม่ว่า การจัดบ้านเรือนให้สะอาด ปลอดภัย เป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้านเอง ที่จะต้องลงมือสำรวจ และกำจัดทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลายด้วยตนเอง […]

ยังไม่พบคนใกล้ชิดนักฟุตบอล ติดเชื้อโควิด

สธ.15 ก.ย.-กรมควบคุมโรค เผยผลตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิดนักฟุตบอลอุซเบกิสถาน จำนวน 421 คน เป็นลบ 382 คน และอยู่ระหว่างรอผล 39 คน วันนี้ (15ก.ย.)กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรณีนักฟุตบอลไทยลีกชาวอุซเบกิสถาน อายุ 29 ปีตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงาน ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคของกรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรคเพื่อค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดกับนักฟุตบอลรายดังกล่าวทันที เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด 19 ด้วยวิธี RT-PCR วันที่ 14 กันยายน 25631.สโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด มีผู้สัมผัส รวม272คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 47 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 225 คน (ตรวจน้ำลาย) 199 คน ให้ผลเป็นลบ อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ 26 […]

ไม่จริง!!! “ต้นอังกาบหนูรักษามะเร็งหายขาด”

กรุงเทพฯ 15 ก.ย.- สถาบันมะเร็งฯ เตือนข่าวปลอม “ต้นอังกาบหนูรักษาโรคมะเร็งได้หายขาด จากกรณีที่มีข่าวปรากฏผ่านสื่อต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง “ต้นอังกาบหนูรักษาโรคมะเร็งได้หายขาด” กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า ต้นอังกาบหนูไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งและไม่สามารถนำมาใช้รักษามะเร็งในมนุษย์ได้นั้น นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ต้นอังกาบหนู (Barleria prionitis L.) เป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านมีกลุ่มฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ฟีโนลิกส์ ฟลาโวนอยด์ และเทอร์พีนอยด์ จากผลการศึกษาวิจัยระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการ พบว่า สารนี้อาจมีส่วนในการยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง แต่ผลดังกล่าวเป็นเพียงงานวิจัยเบื้องต้น และยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าต้นอังกาบหนูช่วยรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ ปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา การรับฟังข้อมูลที่ไม่ผ่านการพิจารณาหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนและอาจลดโอกาสการรักษาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า การใช้สมุนไพรอาจส่งผลข้างเคียงกับผู้ใช้ได้ ดังนั้นควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ .-สำนักข่าวไทย

ย้ายสิทธิ รพ.บัตรทอง ออนไลน์ง่ายๆ

กทม. 15ก.ย.-เพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าของรัฐบาล โพสต์แจ้งผู้ถือบัตรทอง สามารถขอย้ายสิทธิโรงพยาบาล แบบออนไลน์ได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง เพจเฟซบุ๊ก “ไทยคู่ฟ้า” โพสต์แจ้งข่าวสารเรื่องการย้ายสิทธิ รพ. (บัตรทอง) แบบออนไลน์ง่าย ๆ ได้ด้วยตนเอง โดยระบุว่า “โอ้โห So EASY!!! อีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ประชาชนผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสิทธิบัตรทอง ที่ต้องการเปลี่ยนสถานพยาบาลหรือหน่วยบริการ (ย้ายสิทธิ) เพื่อการรักษา เพราะวันนี้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถเปลี่ยนหน่วยบริการได้ด้วยตนเอง ผ่านทางช่องทาง LINE Official Account ได้แล้ว เพียงแค่แอดไลน์ สปสช.พิมพ์ค้นหา Line ID @nhso หรือสแกน QR Code เพิ่มเพื่อนได้ทันที ใช้งานง่ายๆ เพียงเลือกฟังก์ชั่น “เปลี่ยนหน่วยบริการ” โดยทำตามขั้นตอนของระบบ และรอการอนุมัติ อย่างไรก็ตามผู้ที่ลงทะเบียนย้ายสิทธิผ่านทางไลน์สปสช. ต้องมีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) หรือ มีสิทธิว่าง และต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ทั้งนี้ หากยังไม่สะดวกใช้งานทางโทรศัพท์มือถือ สามารถไปติดต่อที่หน่วยบริการได้เช่นเดิม หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ […]

สบส.เปิดแนวทางสถานกักกันใน รพ.ทางเลือก

สบส.15ก.ย.-สบส.เผยแนวทางการดำเนินงานสถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก รัดกุม-มีมาตรฐาน ผู้ป่วย ผู้ติดตามชาวต่างชาติ ต้องมีเอกสารยืนยันการปลอดโรคโควิด-19 และชำระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ด้านสถานพยาบาลติดตามอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ก่อนจนเสร็จสิ้นการรักษา ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ โดยปราศจากการระบาดโรค นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสุนนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ได้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ในขั้นต่อไปในการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคม ภาครัฐได้มีการผ่อนปรนให้บุคคลบางประเภทเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ซึ่งประเทศไทยนั้นนับได้ว่าเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางด้านสุขภาพเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จึงมีผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพและจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องประสงค์จะเข้ามารับการรักษาพยาบาลในไทย ดังนั้น เพื่อการตรวจคัดกรอง และเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ตามหลักเกณฑ์และแนวทางการควบคุมป้องกันโรคอย่างเป็นระบบ กรม สบส. จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการสถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกักกันตัวผู้ป่วยชาวต่างชาติรวมถึงผู้ติดตาม ซึ่งจะต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลตามที่ได้มีการนัดหมายไว้ล่วงหน้า และไม่มีอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 โดยใช้สถานพยาบาลเอกชนที่รัฐกำหนดเป็นสถานที่กักกัน เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด-19 พร้อมกับการรักษาพยาบาลตามกลุ่มโรค/ อาการ/ หัตถการที่นัดหมาย ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่รัฐกำหนด และจะต้องชำระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดระหว่างการรักษาพยาบาลและกักกันตน โดยพิจารณาการนัดหมายจากผู้ป่วยและผู้ติดตาม ในกลุ่มประเทศสีเขียวและสีเหลืองเท่านั้น จะไม่มีการนัดหมายผู้ป่วยและผู้ติดตามจากกลุ่มประเทศสีแดง ซึ่งการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยผู้ป่วยและผู้ติดตามจะต้องแสดงเอกสารและหลักฐานตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กำหนด อาทิ […]

ถนนศรีนครินทร์ รถติดมาก

จราจรเช้าวันอังคาร ถนนศรีนครินทร์ ขาเข้า ตั้งแต่ซอยศรีด่าน ไปจนถึงแยกศิครินทร์ (ลาซาล) มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ โดยเฉพาะช่องทางซ้าย รถติดหนัก

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรมอุตุฯ เตือนมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกและภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60%

แถลงการณ์ร่วม 6 องค์กรวิชาชีพ เรื่อง การรายงานข่าวในสถานการณ์การชุมนุม

กทม. 14 ก.ย.- ตามที่มีสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มประชาชน นิสิต นักศึกษา และนักเรียน ในช่วงที่ผ่านมาและกำลังจะมีการชุมนุมใหญ่วันที่ 19 กันยายน 2563 นั้น 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนประกอบด้วยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ได้ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดและมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ โดยได้รับการสะท้อนปัญหาจากสื่อมวลชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ภาคสนามในการเข้าพื้นที่การชุมนุมเพื่อรายงานข่าว จึงมีข้อเรียกร้องต่อทุกฝ่ายดังนี้ องค์กรวิชาชีพ ขอยืนยันหลักการเสรีภาพของสื่อมวลชนตามหลักสากล ที่ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด จึงไม่ควรตกเป็นเป้าและเงื่อนไข ต้องได้รับอิสระในการรายงานข่าวเพื่อความครบถ้วนรอบด้านตามหลักจริยธรรมวิชาชีพ ปราศจากการกดดัน คุกคาม ในทุกรูปแบบ จึงเรียกร้องให้ทั้งฝ่ายผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่สื่อมวลชนที่จะเข้าไปรายงานข่าวในพื้นที่ ขอให้กำลังใจกับสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้อง และขอให้ยึดมั่นในหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพในการรายงานข่าว ที่ครบถ้วน รอบด้าน พร้อมกับเปิดพื้นที่ให้การรายงานข่าวทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม เพื่อหาร่วมกันทางออกให้กับสังคมอย่างสันติ ปราศจากความรุนแรง ขอให้กองบรรณาธิการของสำนักข่าวทุกแขนง ดูแลสวัสดิภาพและสวัสดิการที่เหมาะสม โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของสื่อมวลชนที่ปฏิบัติในพื้นที่เป็นสำคัญ ทั้งนี้ เพื่อให้การประสานงานระหว่างสื่อมวลชนกับฝ่ายผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนจึงได้จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานสื่อมวลชนในสถานการณ์การชุมนุม (ศปสช.)” ขึ้น เพื่อทำหน้าที่ประสานงาน ด้านการรักษาความปลอดภัยและด้านอื่น ๆ ที่จำเป็น โดยมีทั้งอยู่ที่อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (ถนนสามเสน ตรงข้าม […]

1 1,071 1,072 1,073 1,074 1,075 5,610
...