สบส.เปิดแนวทางสถานกักกันใน รพ.ทางเลือก

สบส.15ก.ย.-สบส.เผยแนวทางการดำเนินงานสถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก รัดกุม-มีมาตรฐาน ผู้ป่วย ผู้ติดตามชาวต่างชาติ ต้องมีเอกสารยืนยันการปลอดโรคโควิด-19 และชำระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ด้านสถานพยาบาลติดตามอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ก่อนจนเสร็จสิ้นการรักษา ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ โดยปราศจากการระบาดโรค


นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสุนนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ได้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ในขั้นต่อไปในการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคม ภาครัฐได้มีการผ่อนปรนให้บุคคลบางประเภทเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ซึ่งประเทศไทยนั้นนับได้ว่าเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางด้านสุขภาพเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จึงมีผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพและจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องประสงค์จะเข้ามารับการรักษาพยาบาลในไทย

ดังนั้น เพื่อการตรวจคัดกรอง และเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ตามหลักเกณฑ์และแนวทางการควบคุมป้องกันโรคอย่างเป็นระบบ กรม สบส. จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการสถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกักกันตัวผู้ป่วยชาวต่างชาติรวมถึงผู้ติดตาม ซึ่งจะต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลตามที่ได้มีการนัดหมายไว้ล่วงหน้า และไม่มีอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 โดยใช้สถานพยาบาลเอกชนที่รัฐกำหนดเป็นสถานที่กักกัน เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด-19 พร้อมกับการรักษาพยาบาลตามกลุ่มโรค/ อาการ/ หัตถการที่นัดหมาย ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่รัฐกำหนด และจะต้องชำระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดระหว่างการรักษาพยาบาลและกักกันตน โดยพิจารณาการนัดหมายจากผู้ป่วยและผู้ติดตาม ในกลุ่มประเทศสีเขียวและสีเหลืองเท่านั้น จะไม่มีการนัดหมายผู้ป่วยและผู้ติดตามจากกลุ่มประเทศสีแดง


ซึ่งการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยผู้ป่วยและผู้ติดตามจะต้องแสดงเอกสารและหลักฐานตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กำหนด อาทิ ใบรับรองแพทย์ กรมธรรม์ที่ครอบคลุมโรคโควิด-19 ที่มีวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ผลตรวจโรคโควิด-19 ที่ออกให้ก่อนเดินทางล่วงหน้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง ฯลฯ และเมื่อเดินทางเข้ามาในประเทศแล้วสถานพยาบาลจะมารับตัวผู้ป่วยและผู้ติดตามไปกักกันตัว ณ สถานพยาบาลเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ในระบบปิด พร้อมทำการตรวจคัดกรองโรคโควิดตามระยะเวลาที่กำหนด รวม 3 ครั้ง (ก่อนรักษา ระหว่างรักษา และหลังการรักษา) และรายงานอาการของผู้ป่วยและผู้ติดตามทุกวัน หากพบอาการของโรคโควิด-19 จะมีการแจ้งไปยังสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และกรมควบคุมโรคในพื้นที่โดยทันที

ทังนี้ กรม สบส.ได้มีการประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง หากพบว่าผู้ป่วยและผู้ติดตามจากประเทศใดมีความสุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการของโรคโควิด-19 ก็จะมีการแจ้งเวียนไปยังสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการให้ชะลอการรับผู้ป่วยและผู้ติดตามจากประเทศนั้นๆ ล่าสุดก็ได้มีการแจ้งเวียนให้ชะลอการรับผู้ป่วยและผู้ติดตามจากเมียนมาในช่วงนี้ เนื่องด้วยมีสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าการดำเนินงานของสถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก จะไม่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างแน่นอน ด้วยทั้งภาครัฐและเอกชนมีการดำเนินการป้องกัน ควบคุมโรคตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ หากสถานพยาบาลเอกชนแห่งใดต้องการเข้าร่วมโครงการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินโควิด-19 กรม สบส. (http://www.hsscovid.com) หรือทาง จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Email) medcalhub.hss


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

จับเรือประมงเมียนมา

จับเรือประมงเมียนมา รุกล้ำน่านน้ำไทย

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงเมียนมาพร้อมลูกเรือ 13 คน ขณะลักลอบนำเรือประมงจอดลอยลำในทะเลอาณาเขตของไทย บริเวณ จ.ระนอง ใกล้เกาะค้างคาว