ตร.แนะคนไทยแยกแยะ กำชับดูแลทรัพย์สิน ปชช.ที่อพยพออกจากบ้าน

ตร. 25 ก.ค. – โฆษก ตร. เตือนคนไทยอย่าหัวร้อน แนะให้แยกแยะ สั่งกำชับดูแลทรัพย์สินประชาชนที่อพยพออกจากบ้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เชิญตำรวจทุกหน่วยงานเข้ามาประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา กำชับให้ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้ยกระดับมาตรการดูแลบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนที่ส่วนใหญ่พบว่าไม่มีผู้ดูแล เพราะอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิง ส่วนพื้นที่รอบสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา หรือสถานที่มีสิทธิก่อความไม่สงบ ได้จัดกำลังตำรวจในพื้นที่และตำรวจสันติบาลเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ส่งกำลังใจไปให้กับประชาชน ผู้ที่ปฏิบัติการอยู่แนวหน้า และตำรวจในพื้นที่ และพร้อมที่จะสนับสนุนทุกภารกิจหากมีการร้องขอเข้ามา ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปชาวกัมพูชาถูกทำร้ายร่างกายในประเทศไทยนั้น ทราบว่าคนไทยส่วนใหญ่อาจมีอารมณ์โกรธเคือง แต่หากไปก่อเหตุรุนแรงหรือทำร้ายร่างกายคู่ขัดแย้งจะถูกดำเนินคดีทุกกรณี เพราะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย พร้อมขอให้ประชาชนระมัดระวังการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง หรือไม่เหมาะสมในสื่อโซเชียล เพราะอาจกลายเป็นการจุดชนวนให้เหตุการณ์บานปลายจนกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ.-416-สำนักข่าวไทย

ตร.ไซเบอร์ ขอชาวโซเชียล ไม่แชร์-ไม่โพสต์-ไม่ส่งต่อข่าวปลอม

25 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์ ขอความร่วมมือชาวโซเชียล ไม่แชร์ ไม่โพสต์ ไม่ส่งต่อข่าวปลอมหรือข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความมั่นคง กองทัพ หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และข้าราชการตำรวจในสังกัด แถลงการณ์ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนประเทศไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะผู้ที่เป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อันน่าเศร้าดังกล่าว และขอส่งกำลังใจและความห่วงใยไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงทุกนายตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่แนวชายแดนที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างประเทศในห้วงที่ผ่านมา โดยในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความอ่อนไหว ตำรวจไซเบอร์พบเบาะแสว่าได้มีการเผยแพร่ข่าวปลอม หรือ Fake News, คลิปบิดเบือน และข้อความปลุกปั่นในโซเชียลมีเดีย ที่อาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม รวมทั้งพบการโพสต์ภาพหรือวิดีโอคลิปแสดงความรุนแรงต่อคนต่างด้าวที่เข้ามาทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริตในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอความร่วมมือผู้ใช้บัญชีโซเชียล ดังนี้ โดยเฉพาะการโพสต์ปลุกระดมจะไปทำร้ายชาวกัมพูชาในประเทศ หรือโพสต์ภาพการบุกไปทำร้ายชาวกัมพูชา ล้วนแล้วแต่เป็นการทำผิดกฎหมายบ้านเมืองทั้งสิ้น เราควรกระทำตัวให้เป็นคนมีอารยะ รู้จักแยกแยะ หากพบมีการทำผิดในลักษณะดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน สิ่งที่ประชาชนควรทำคือ-ติดตามข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น กองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สื่อกระแสหลัก และหน่วยงานภาครัฐ-ใช้วิจารณญาณก่อนแชร์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์อ่อนไหว-แจ้งเบาะแสข่าวปลอม ได้ที่ www.thaipoliceonline.go.th หรือโทรสายด่วน 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง. -412-สำนักข่าวไทย

รวบแอดมินแก๊งเงินกู้เวียดนาม ตั้งฐานรีดเพื่อนร่วมชาติดอกโหด

กรุงเทพฯ 25 ก.ค. – สืบท่องเที่ยว รวบแอดมินแก๊งเงินกู้เวียดนาม ตั้งฐานย่านร่มเกล้ารีดเพื่อนร่วมชาติดอกโหด ร้อยละ 45 ต่อเดือน ใช้ระบบล็อก iCloud คุมมือถือลูกค้าหากผิดนัดชำระ ตำรวจท่องเที่ยว นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายโง วาน ลอง อายุ 25 ปี, นายฮวง ตรุง ตรัน อายุ 21 ปี, นายดัง วาน งาน อายุ 19 ปี ทั้งหมดสัญชาติเวียดนาม ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่ทีสิทธิ์จะทำได้, เป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อบุคคลโดยผิดกฎหมาย” โดยจับกุมได้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซอยเคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ สืบเนื่องจากนโยบายสำนักงานตรวจแห่งชาติให้กวาดล้างปราบปราม จับกุมบุคคลต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย ในลักษณะอาชญากรรมข้ามชาติ โดยจัดการสืบสวนทราบว่ามีกลุ่มชาวเวียดนามลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนเดินทางไปศาลอาญามีนบุรี เพื่อขอหมายค้นตามหมายศาลอาญามีนบุรีที่ 380/2568 ลงวันที่ 24 ก.ค.2568 ต่อมาวานนี้ […]

Cell Broadcast ปภ. แจ้งเตือนภัยทันทีที่เข้าพื้นที่สู้รบ

กทม. 24 ก.ค.-Cell Broadcast ปภ. แจ้งเตือนภัยทันทีที่เข้าพื้นที่สู้รบ ขอความร่วมมืออพยพเข้าพื้นที่ปลอดภัย จากพื้นที่สู้รบ พร้อมให้ประสานผู้นำชุมชนอพยพเข้าศูนย์พักพิง เมื่อประชาชนเข้าพื้นที่เสี่ยงและอยู่ใกล้กับพื้นที่สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ระบบแจ้งเตือนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยได้ส่งข้อความฉุกเฉินแจ้งเตือนมายังมือถือทุกเครื่อง ระบุข้อความว่า ขณะนี้เกิดเหตุสู้รบที่ชายแดนไทยกัมพูชาบริเวณประสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรักและพื้นที่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง ส่งผลกระทบต่อประชาชนพื้นที่ อ.พนมดงรัก อ.กาบเชิง อ.สังขะ อ.บัวเชด ให้ผู้อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบอยู่ในที่ปที่ปลอดภัย แล้วติดต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และที่ว่าการอำเภอ เพื่อนัดหมายและอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางราชการกำหนด ทั้งนี้ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการในพื้นพื้นที่อย่างเคร่งครัด สอบถามรายละเอียดโทร 1784 DDPM.-416.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ตร.เผยตำรวจใช้แผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง เหตุปะทะชายแดน

24 ก.ค. – ผบ.ตร. เผยตำรวจใช้แผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา สำรวจจำนวนผู้บาดเจ็บ เคลื่อนย้ายผู้ป่วย หลังปิดปราสาทยุติส่งกำลังเข้าปฏิบัติการ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ปะทะบริเวณแนวชายแดน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ใกล้กับปราสาทตาเมือนธม หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน ส่งผลให้มีทหารและประชาชนไทยได้รับบาดเจ็บ ผบ.ตร. ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างเป็นทางการ โดยในการปฏิบัติการครั้งนี้ ทหารดำเนินการตามภารกิจหลัก ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจสนับสนุนแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์กำลังดำเนินการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยครอบคลุมการรักษาความมั่นคงภายใน การอพยพประชาชน การบูรณาการการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัย ร่วมกับโรงพยาบาลในพื้นที่ สำหรับคำถามเรื่องการส่งกำลังเพิ่มเติมเข้าไปสนับสนุน ผบ.ตร. ชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้มีการร้องขอจากกองทัพให้ส่งกำลังควบคุมฝูงชนเข้าไปเตรียมความพร้อม เนื่องจากอาจเกิดเหตุขัดแย้งระหว่างประชาชนทั้งสองฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาเมือนธม แต่เนื่องจากขณะนี้มีคำสั่งปิดปราสาทแล้ว จึงยุติการนำกำลังควบคุมฝูงชนเข้าปฏิบัติการ ย้ำว่าขณะนี้ใช้ปฏิบัติการทางทหารเป็นหลัก ส่วนตำรวจยังคงเน้นการสนับสนุนแผนพิทักษ์พื้นที่ในแนวหลัง เพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งนี้ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ประจำการในแนวบังเกอร์ชายแดนยังคงอยู่ในพื้นที่ตามหน้าที่ เพื่อสนับสนุนภารกิจร่วมกับทหารต่อไป.-415-สำนักข่าวไทย

พ่อแม่ “น้องเมย” พร้อมเข้าพบ ผบ.ตร. ติดใจเรื่องการเลื่อนยศคู่กรณี

กรุงเทพฯ 23 ก.ค. – พ่อแม่ “น้องเมย” พร้อมเข้าพบ ผบ.ตร. อยากขอความเมตตาพิจารณาว่าคู่กรณีสมควรเป็นตำรวจต่อหรือไม่ นายพิเชษฐ และนางสุกัลยา พ่อแม่ของ “น้องเมย” ให้สัมภาษณ์บอกว่า หลังจากนี้จะดำเนินการอย่างไรต่อต้องขอปรึกษาทนายความก่อน ที่ผ่านมาจนถึงชั้นศาลฎีกา ครอบครัวก็เหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้ขอให้ทนายความดำเนินการ ส่วนเรื่องทางคดีคงไม่พูดต่อ เพราะไม่อยากก้าวล่วงศาล ยอมรับว่าความรู้สึกในใจรู้สึกขัดแย้งในฐานะครอบครัวที่ต้องสูญเสียลูกชาย แต่เห็นผู้กระทำเติบโตในหน้าที่ข้าราชการตำรวจ อยากฝากถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าคู่กรณียังสมควรที่จะเป็นตำรวจอยู่หรือไม่ ซึ่งที่ ผบ.ตร. บอกว่าขณะเกิดเหตุคู่กรณีไม่ได้อยู่สถานะตำรวจ จะดำเนินการทางวินัยตาม พ.ร.บ.ตำรวจปี 2565 ไม่ได้นั้น มองว่าไม่น่าใช่ เพราะตอนนั้นเขาเลือกเหล่ามาแล้วว่าเป็นเหล่าตำรวจ อย่างลูกตนก็เลือกเหล่านายร้อย จปร. มันชัดเจนอยู่แล้ว แต่เข้าใจว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มาทีหลังก็ไม่ได้กล่าวโทษท่าน แต่อยากฝากขอความเมตตากับท่าน โดยครอบครัวติดใจเรื่องการเลื่อนยศของคู่กรณี เพราะยศขึ้นเร็วมาก จาก ร.ต.ต. เป็น ร.ต.ท. อยากรู้ว่าคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ทราบหรือไม่ ส่วนที่ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าอยากจะพบเพื่อพูดคุยกับครอบครัวเป็นการส่วนตัว ตนมองว่าเป็นเรื่องดี […]

ตร.ไซเบอร์ เร่งประสาน ปปง.อายัด-ยึดทรัพย์เครือข่าย “ก๊กอาน”

บก.สอท. 23 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์ เร่งประสาน ปปง. อายัดและยึดทรัพย์สินเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ “ก๊กอาน” พร้อมใช้ “ก๊กอาน” โมเดลเป็นต้นแบบจัดการกับเจ้าของตึกในกัมพูชาที่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นฐานปฏิบัติการ เผยเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องเว็บพนันกับ “กอล์ฟ” ศุกร์นี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีขบวน “ก๊กอาน” ว่า ขณะนี้ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แล้ว เพื่อดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สิน รวมทั้งดำเนินการสืบสวนสอบสวนทรัพย์สินในคดีเพิ่มเติม ว่ามีเส้นทางการเงินไปที่ไหนอีกบ้าง และจากการเข้าค้นในพื้นที่หลายจุดเพิ่มเติม ก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก ส่วนจะมีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองในต่างประเทศหรือไม่นั้นต้องรอรายละเอียดการตรวจสอบเพิ่มเติมก่อน สำหรับการออกหมายจับในคดี “ก๊กอาน” นั้นรวมทั้งสิ้น 7 คน ซึ่งนอกจากนายก๊กอานแล้ว ก็ยังมีบุคคลที่ถูกออกหมายจับเป็นเครือญาติของนายก๊กอาน สัญชาติกัมพูชา 3 คน เป็นคนไทยอีก 2 คน และที่เหลือเป็นคนกัมพูชา ซึ่งทั้งหมดทำหน้าที่ในส่วนของการบริหารขบวนการ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่นอกราชอาณาจักรและอยู่ในระหว่างการประสานตำรวจสากลเพื่อออกหมายแดง สำหรับจับกุมในต่างประเทศต่อไป พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยังกล่าวอีกว่า ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และจเรตำรวจแห่งชาติ ให้สั่งการว่า ให้นำรูปแบบการดำเนินคดี […]

ตร.ลุยตรวจสอบวัดนครสวรรค์ วันที่ 3 พบเส้นเงินวัดยังมีพิรุธ

23 ก.ค. – ตำรวจลุยตรวจสอบวัดนครสวรรค์ เป็นวันที่ 3 พบเส้นทางเงินวัดยังมีพิรุธ เร่งตรวจหลักฐานเจ้าอาวาสวัดม่วง อ้างลืมว่านำทองคำ 170 บาท ไปขาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยการตรวจสอบวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง พุทธอุทยาน และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตนครสวรรค์ ว่ามีความคืบหน้าในรูปคดีอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางเงิน ซึ่งพัวพันกับ “ทิดสฤษดิ์” อดีตเจ้าอาวาสที่ลาสิกขาไปแล้ว ซึ่งในส่วนของวัดนครสวรรค์ ตำรวจเข้าตรวจสอบในพื้นที่เป็นวันที่ 3 แล้ว แต่เนื่องจากยังมีประเด็นสงสัยในเรื่องเส้นทางเงินบัญชีต่างๆ ของวัด โดยเฉพาะเส้นเงินจึงต้องตรวจสอบให้ละเอียด คาดได้ความชัดเจนในเร็วๆ นี้ ส่วนการลาออกของรักษาการผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์ ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่ง จะเกี่ยวข้องหรือไม่ ยังไม่ยืนยันข้อมูล แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีให้สิ้นข้อสงสัยและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีการข่มขู่เจ้าหน้าที่ที่ทำคดี จะฟ้องปิดปากหรือฟ้องบิดเบือนคดีที่ปฏิบัติตามหน้าที่นั้น ในเรื่องนี้ทางศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติผิดมิชอบกลาง พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคดีให้ ย้ำไม่ต้องเกรงกลัวต่ออิทธิพลให้ปฏิบัติไปตามหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีเงินและทอง มูลค่ากว่า 22 ล้านบาท ของเจ้าอาวาสวัดม่วงหายไปจากกุฏิ ช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบหาที่มาของเงินวัด เนื่องจากพยานหลักฐานที่มียังไม่ชัดเจนและยังไม่เชื่อมโยงกัน แต่เบื้องต้นอยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานที่ปรากฏภาพเจ้าอาวาสได้นำทองคำบางส่วนไปขาย ซึ่งในประเด็นนี้ตำรวจนครบาลเพชรเกษมจะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี […]

รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปตสาย 2 ปลอมเป็น ตร.หลอกโอนเงิน

23 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์ รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปตสาย 2 ปลอมเป็น ตร.มุกดาหาร หลอกโอนเงิน เผยเคยได้ค่าคอมมิชชั่นสูงถึงหลักแสน ส่วนอีกคดีเครือข่ายอ้างการไฟฟ้าหลอกติดตั้งแอปฯ ดูดเงิน เสียหายกว่า 2.4 หมื่นบาท พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกหลอกลวงให้ลงทุนคริปโทเคอเรนซี เสียหายเงิน 308,204,326.50 บาท จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่มีฐานที่ตั้งปฏิบัติการอยู่ที่ภูลิคาสิโน ประเทศกัมพูชา และมีการหลอกลวงหลายประเภท เช่น คอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้เหยื่อโอนเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเงินของเหยื่อไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา หลอกลวงให้ลงทุน และหลอกลวงให้เกิดความชอบความรัก โดยคนร้ายที่หลอกสำเร็จจะได้ค่าคอมมิชชั่นสูงถึงหลักแสนบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขยายผลจนทราบแผนผังองค์กรของผู้ประทำผิดที่เชื่อมโยงกับคดีหลอกลวงอื่นอีกหลายคดีที่ใช้กาสิโนดังกล่าว เป็นที่ตั้งในการปฏิบัติการ จึงรวบรวมพยานหลักฐานชอศาลออกหมายจับ นายรณชัย อายุ 31 ปี ผู้ทำหน้าที่รับบทเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร (สายที่ 2) ในข้อหา “ร่วมกันอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนสมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” เบื้องต้นเจ้าตัวรับว่า เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567 […]

ผบ.ตร.สั่งลุยปราบยาเสพติดตามนโยบายรัฐ 3 เดือน ต้องเห็นผล

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร.สั่งลุยปราบยาเสพติดตามนโยบายรัฐบาล 3 เดือน ต้องเห็นผล ไม่ตอบจะเอาตำแหน่งเป็นประกันหรือไม่ ย้ำว่าจะทำให้ดีที่สุด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายหลักในการมอบนโยบายและขับเคลื่อนการกวาดล้างยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ภายใต้แนวคิด “NO Drugs NO Dealers” ซึ่งมีนโยบายจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีว่า ยาเสพติดจะต้องหมดไปจากทุกพื้นที่ทั่วประเทศภายใน 3 เดือน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า นโยบายดังกล่าวทุกส่วนราชการ โดยเฉพาะฝ่ายปกครองและตำรวจ ต้องนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด การประชุมครั้งนี้ได้มีการกำชับผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ และตำรวจทั่วประเทศ ถึงขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 สิ้นเดือนนี้จะมีการ “เอกซเรย์” พื้นที่ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพื่อค้นหาและจับกุมผู้ค้ารายย่อย ผู้ค้าขนาดกลาง และผู้เสพให้เข้มข้นกว่าเดิม จะมีการปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม ยึดทรัพย์ และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง […]

ผบ.ตร. ย้ำสั่งชุดควบคุมฝูงชนสแตนด์บายชายแดนไทย-กัมพูชา

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. ย้ำสั่งชุดควบคุมฝูงชนสแตนด์บายชายแดนไทย-กัมพูชา ตามการร้องขอของทหาร เตรียมพร้อมหากเกิดเหตุปะทะ – ยืนยันยังไม่มีอะไรน่ากังวล พร้อมดูแลม็อบ 26-27 ก.ค.นี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการเตรียมกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชน เพื่อประจำพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณจุดพิพาทใกล้ประสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเท่านั้น ตามการร้องขอจากทางกองทัพภาคที่ 2 เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ผบ.ตร. ระบุว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในพื้นที่ชายแดนคือกองกำลังสุรนารีและกองทัพภาคที่ 2 ส่วนตำรวจถือเป็น “หน่วยสนับสนุน” ในกรณีที่มีการร้องขอให้ช่วยดูแลความเรียบร้อย โดยเฉพาะในช่วงที่อาจมีประชาชนบางกลุ่มเดินทางไปชมบริเวณประสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหว เสี่ยงต่อการเกิดการกระทบกระทั่งระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันเล็กน้อยในพื้นที่ชายแดน จึงเป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ขึ้นอีก ทางทหารจึงร้องขอให้ตำรวจเตรียมกำลังไว้ล่วงหน้า หากสถานการณ์จำเป็น ตำรวจพร้อมสนับสนุนเพื่อแยกผู้ที่มีปัญหา ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทหรือความรุนแรง ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงไม่ใช้กำลังตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งมีหน้าที่ดูแลแนวชายแดนโดยตรง ผบ.ตร. ชี้แจงว่า แม้ ตชด.จะมีความชำนาญในพื้นที่เช่นกัน แต่ปัจจุบันมีภารกิจอื่นอยู่ จึงเห็นว่าการใช้กำลังตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับประชาชน […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

1 10 11 12 13 14 2,048
...