เกาะติดสถานการณ์ไวรัสโคโรนา

โซล 7 ก.พ.- กระทรวงศึกษาธิการของเกาหลีใต้แถลงวันนี้ว่า โรงเรียนจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า ในภาคการศึกษาหน้าจะให้นักเรียนเรียนที่โรงเรียนตามเดิม หรือเปลี่ยนไปเรียนออนไลน์ ขึ้นกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กระทรวงศึกษาธิการเผยแผนการรับมือกับโควิดสำหรับภาคการศึกษาที่จะเริ่มในเดือนมีนาคมว่า โรงเรียนสามารถเลือกได้จากระบบที่แบ่งออกเป็น 4 ระยะ มีตั้งแต่การเรียนที่โรงเรียนเต็มเวลา ไปจนถึงการเรียนออนไลน์ทั้งหมด กระทรวงขอแนะนำว่า โรงเรียนไม่ควรเปลี่ยนไปเรียนออนไลน์ทั้งหมด หากนักเรียนมีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวกไม่ถึงร้อยละ 3 หรือนักเรียนกักตัวเองเพราะติดเชื้อหรือใกล้ชิดผู้ติดเชื้อไม่เกินร้อยละ 15 และการเรียนออนไลน์ทั้งหมดควรดำเนินการอย่างระมัดระวังตามเงื่อนไขที่โรงเรียนแต่ละแห่งกำหนดไว้ และต้องหารืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวง รวมถึงสำนักงานการศึกษาระดับภูมิภาคและหน่วยงานด้านการกักตัว กระทรวงยังขอให้โรงเรียนใช้ชุดตรวจหาแอนติเจนแบบรวดเร็วหรือเอทีเค (ATK) และการตรวจพีซีอาร์ (PCR) แบบเคลื่อนที่ ทางการจะแจกจ่ายเอทีเคให้โรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษาร้อยละ 30 ของจำนวนนักเรียน และแจกให้โรงเรียนมัธยมศึกษาร้อยละ 20 ของจำนวนนักเรียน สาธารณสุขเกาหลีใต้คาดว่า ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจแตะ 130,000-170,000 คนภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เพราะเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่ได้รวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย

นิวเดลี 7 ก.พ.- อินเดียอนุมัติให้ใช้สปุตนิกไลท์ (Sputnik Light) ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แบบฉีดเข็มเดียวของรัสเซียเป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว สปุตนิกไลท์เป็นวัคซีนขนานที่ 9 ที่อินเดียอนุมัติให้ใช้ ในจำนวนนี้ 3 ขนานพัฒนาเองโดยบริษัทยาอินเดีย สปุตนิกไลท์มีส่วนประกอบที่อยู่ในวัคซีนเข็มแรกของสปุตนิกวี (Sputnik V) ซึ่งเป็นวัคซีนที่อินเดียอนุมัติให้ใช้เมื่อปีก่อน และพัฒนาโดยสถาบันกามาเลยาของรัสเซีย แต่เกิดกระแสถกเถียง เพราะรัสเซียแจกจ่ายสปุตนิกวีทั้งที่ยังไม่เปิดเผยข้อมูลการทดลองทางคลินิกระยะสุดท้าย สปุตนิกวีนำเชื้อไวรัสไข้หวัดมาทำให้ไม่เป็นอันตรายเพื่อเป็นพาหะนำส่วนเล็ก ๆ ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เข้าไปในร่างกาย กระตุ้นให้ร่างกายผลิตแอนติบอดีสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนี้ ผู้ผลิตสปุตนิกไลท์อ้างว่า วัคซีนขนานนี้มีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้เป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาใกล้เคียงกับการฉีดสปุตนิกวี 2 เข็ม อินเดียฉีดวัคซีนไปแล้วเกือบ 1,700 ล้านเข็ม ผู้ใหญ่ร้อยละ 76 ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมากกว่าร้อยละ 99 ฉีดเข็มแรกแล้ว นอกจากนี้ยังได้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ คนทำงานแนวหน้า และผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มีโรคประจำตัวมาตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม ขณะที่ยอดติดเชื้อสะสมมากกว่า 42 ล้าน 2 […]

โตเกียว 7 ก.พ.- รัฐบาลญี่ปุ่นจะพิจารณาเรื่องอนุมัติอย่างมีเงื่อนไขให้ใช้ยารักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ชนิดรับประทานที่กำลังพัฒนาโดยบริษัทยาญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่นกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการในรัฐสภาที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ในวันนี้ว่า เนื่องจากยารักษาโควิดของบริษัทชิโอโนกิได้รับการยืนยันเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทดลองทางคลินิก รัฐบาลจึงต้องการจะพิจารณาเรื่องอนุมัติให้ใช้โดยทันที ด้านชิโอโนกิ บริษัทเวชภัณฑ์เก่าแก่ที่ตั้งในปี 2462 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครโอซากะแถลงว่า ผลครั้งใหม่จากการทดลองทางคลินิกที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ชี้ว่า ยาที่ใช้ชื่อในการทดลองว่า S-217622 ให้ผลต้านไวรัสที่มีความแตกต่างอย่างสำคัญจากยาหลอก อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ทดลองมีอาการดีขึ้นด้วย ผู้บริหารของบริษัทเผยว่า อาจจะยื่นขอให้ทางการอนุมัติให้ใช้ก่อนกำหนดอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า และอาจจะส่งมอบยาจำนวน 1 ล้านเม็ดได้ภายในสิ้นเดือนมีนาคม ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์ไมนิจิในญี่ปุ่นรายงานว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาอนุมัติให้ชิโอโนกิเริ่มจำหน่ายยาเม็ดต้านไวรัสโรคโควิดได้ในฤดูใบไม้ผลินี้เป็นอย่างเร็ว หลังจากอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้บริษัทข้ามขั้นตอนการทดลองทางคลินิกขั้นสุดท้าย.-สำนักข่าวไทย

นโยบายของฮ่องกงในการควบคุมยอดผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้เป็นศูนย์กำลังถูกทดสอบ หลังจากมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นไม่หยุด โดยคาดว่าวันนี้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากวันก่อนถึง 2 เท่า

นางซิโอมารา คาสโตร ประธานาธิบดีฮอนดูรัส ติดโควิด-19 เผยมีอาการเล็กน้อยและได้แยกกักตัวขณะปฏิบัติงาน

คณะนักวิจัยจีนระบุว่า การให้คนกลับมาเดินทางตามปกติในพื้นที่ที่ควบคุมยอดผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้เป็นศูนย์อย่างจีน อาจจะทำให้มีคนเสียชีวิตปีละ 2 ล้านคน สิ่งสำคัญที่จะควบคุมการระบาดได้คือพัฒนาวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อได้ดียิ่งขึ้น

จาการ์ตา 7 ก.พ. – อินโดนีเซียจะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศผ่านท่าอากาศยานในกรุงจาการ์ตาเป็นการชั่วคราว เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่ทำให้อินโดนีเซียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงขึ้น กระทรวงคมนาคมของอินโดนีเซียระบุในแถลงการณ์เมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ว่า อินโดนีเซียจะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหรือชาวอินโดนีเซียที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศในช่วงวันหยุด เดินทางเข้าประเทศผ่านท่าอากาศยานในกรุงจาการ์ตาเป็นการชั่วคราว การตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโรคโควิด ในขณะที่อินโดนีเซียพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงกว่า 36,000 คนเมื่อวันอาทิตย์ และโรงพยาบาลในกรุงจาการ์ตามีอัตราครองเตียงพุ่งถึงร้อยละ 63 อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังคงเดินทางเข้าอินโดนีเซียผ่านท่าอากาศยานบนเกาะบาหลี รวมถึงเมืองบาตัมและตันจุงปีนังในหมู่เกาะเรียวที่ตั้งอยู่ใกล้สิงคโปร์ได้ ทั้งนี้ การประกาศใช้มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังเกาะบาหลีเพิ่งเปิดต้อนรับเที่ยวบินจากต่างประเทศเที่ยวแรกในรอบเกือบ 2 ปี ก่อนหน้านี้ ตำรวจกรุงจาการ์ตาได้ประกาศใช้คำสั่งห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในยามค่ำคืน หรือเคอร์ฟิว ในย่านใจกลางเมืองจาการ์ตาตั้งแต่เวลา 00.00 – 04.00 น. เนื่องจากพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ของอินโดนีเซียเตือนว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในอินโดนีเซียจะถึงจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนนี้ ขณะนี้ อินโดนีเซียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 4.5 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 144,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. -สำนักข่าวไทย

โตเกียว 7 ก.พ. – นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น เผยวันนี้ว่า เขาต้องการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่สามให้ได้วันละ 1 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 2 เท่า เพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศ นายกรัฐมนตรีคิชิดะกล่าวในการประชุมคณะกรรมการพิจารณางบประมาณของรัฐบาลญี่ปุ่นว่า เขาได้สั่งให้นายชิเงยูกิ โกโตะ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น และคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง หาทางเร่งฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามให้บรรลุเป้าหมายวันละ 1 ล้านโดสให้ได้เร็วที่สุดภายในเดือนนี้ โดยระบุว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่สามเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันการระบาดและผู้ป่วยติดเชื้ออาการหนักที่เกิดขึ้นจากเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นายกรัฐมนตรีคิชิดะยังเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีประสานงานกับรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อเร่งการกระจายบัตรนัดวัคซีนโควิดเข็มสามและจัดตั้งจุดฉีดวัคซีนเพิ่มเติม รวมถึงขอให้บริษัทต่าง ๆ ติดต่อรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อตั้งจุดฉีดวัคซีนให้แก่พนักงานได้ที่บริษัทของตน นอกจากนี้ ผู้นำญี่ปุ่นยังเรียกร้องให้เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มคุณครู เจ้าหน้าที่โรงเรียนอนุบาล ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง รวมถึงการวางแผนฉีดวัคซีนเข็มสามให้แก่พนักงานของรัฐบาลเช่นกัน บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเค รายงานว่า ญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ทะลุ 100,000 คนเป็นครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ ขณะที่ภูมิภาคส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นกำลังอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมโรคโควิดเพื่อยับยั้งการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มสาม ขณะนี้ ญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 3.3 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 19,300 คน. -สำนักข่าวไทย

ฮานอย 7 ก.พ.- นักเรียนชาวเวียดนามมากว่า 17 ล้านคนจะเริ่มกลับไปเรียนในโรงเรียนอีกครั้งตั้งแต่วันนี้ หลังจากเรียนออนไลน์มาตั้งแต่ต้นปีก่อน ด้านทางการประกาศแผนจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้แก่เด็กวัย 5 ขวบขึ้นไป กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามแถลงว่า โรงเรียนส่วนใหญ่จะเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งภายในกลางเดือนนี้ ขณะที่โรงเรียนในกรุงฮานอยจะเปิดเรียนอีกครั้งตั้งแต่วันอังคาร โดยมีมาตรการป้องกัน เช่น การตรวจวัดไข้ และขั้นตอนที่ต้องดำเนินการในกรณีที่พบคนติดเชื้อ ส่วนเมื่อวันอาทิตย์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,112 คน ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมมากกว่า 2 ล้าน 3 แสน 4 หมื่นคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 38,300 คน  รัฐบาลเวียดนามแถลงช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จะซื้อวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคจำนวน 21 ล้าน 9 แสนโดส เพื่อฉีดให้แก่เด็กวัย 5-12 ขวบ ปัจจุบันชาวเวียดนาม 98 ล้านคนฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 โดสแล้วมากกว่าร้อยละ 75 ทางการเตรียมการจะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ทั้งหมดภายในสิ้นเดือนมีนาคม.-สำนักข่าวไทย

ออตตาวา 7 ก.พ. – กรุงออตตาวาของแคนาดาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรับมือกับการชุมนุมประท้วงยาวนานหลายสัปดาห์ของม็อบคนขับรถบรรทุกที่ต่อต้านมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 จนทำให้การสัญจรในกรุงออตตาวาเป็นอัมพาต นายจิม วัตสัน นายกเทศมนตรีกรุงออตตาวา เผยกับสถานีวิทยุท้องถิ่นของแคนาดาว่า สถานการณ์ในเมืองอยู่นอกเหนือการควบคุมแล้ว กลุ่มผู้ประท้วงมีพฤติกรรมที่ไม่ยำเกรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการบีบแตร เปิดไซเรน จุดพลุ และจัดงานเลี้ยงกลางถนน เป็นภัยต่อผู้อาศัยในเมือง จำนวนผู้ประท้วงมีมากกว่าจำนวนตำรวจ กรุงออตตาวากำลังจะพ่ายแพ้ในการควบคุมการชุมนุมดังกล่าว เขาจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น และต้องทำให้กรุงออตตาวากลับคืนสู่สภาพเดิม อย่างไรก็ดี นายวัตสันไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการที่จะใช้ ทั้งนี้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะทำให้ทางการกรุงออตตาวามีอำนาจเพิ่มเติม เช่น ได้รับอุปกรณ์ที่บุคลากรแนวหน้าและหน่วยบริการฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้ ด้านตำรวจกรุงออตตาวาระบุว่า เจ้าหน้าที่จะยกระดับข้อบังคับต่าง ๆ เช่น การจับกุมผู้ที่พยายามช่วยเหลือกลุ่มผู้ประท้วง ขณะที่แถลงการณ์ของกรุงออตตาวาระบุว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสะท้อนถึงอันตรายรุนแรงและภัยคุกคามต่อความปลอดภัยและความมั่นคงต่อประชาชนที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมที่ยาวนาน และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐบาลแคนาดา ในขณะเดียวกัน ชาวกรุงออตตาวาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการประท้วงดังกล่าว และพากันร้องเรียนในกรณีที่มีกลุ่มคนขับรถบรรทุกนำรถมาจอดกีดขวางเส้นทางจราจรและในสวนสาธารณะของเมือง ซึ่งทำให้ประชาชนสูญเสียรายได้และหวั่นเกรงว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้เกิดการล่วงละเมิดและความรุนแรงขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ชาวแคนาดาส่วนใหญ่สนับสนุนข้อกำหนดฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดของรัฐบาลแคนาดา โดยมีประชาชนร้อยละ 83 ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดส จากประชากรทั้งหมด 38 ล้านคน. -สำนักข่าวไทย

ไป่ซื่อ 7 ก.พ.- เมืองไป่ซื่อ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนที่มีพรมแดนติดกับเวียดนาม สั่งประชาชนอยู่แต่ในบ้านตั้งแต่วันนี้ และหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น หลังจากพบผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในชุมชนเพิ่มขึ้น เมืองไป่ซื่อมีประชากร 3 ล้าน 6 แสนคน อยู่ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง พบผู้ติดเชื้อในชุมชนที่แสดงอาการ 37 คนเมื่อวันอาทิตย์ เพิ่มขึ้นจากที่พบเพียง 6 คนเมื่อวันเสาร์ สถานีโทรทัศน์ทางการรายงานว่า ทางการออกแถลงการณ์ขอให้ชาวเมืองอยู่ในบ้าน ยกเว้นการออกไปซื้อสิ่งจำเป็นหรือตรวจหาเชื้อไวรัส และควรซื้อของด้วยบริการส่งถึงบ้านแทนการไปที่ร้านหากสามารถทำได้ ขณะเดียวกันได้ระงับการเปิดธุรกิจ บริการขนส่งมวลชนและชั้นเรียนที่ไม่เร่งด่วน ชะลอการเปิดด่านตามพรมแดนระหว่างประเทศ และคนทำงานในภาคส่วนที่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตพิเศษเพื่อเดินทางภายในเมือง คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนแจ้งว่า เมื่อวานนี้พบผู้ติดเชื้อในประเทศทั้งหมด 45 คน เพิ่มขึ้นจาก 13 คนเมื่อวันเสาร์ ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกเมื่อปลายปี 2562รวมเป็น 106,419 คน และมีผู้เสียชีวิตคงเดิมที่ 4,636 คน.-สำนักข่าวไทย