เศรษฐกิจ

บสย.เตรียมวงเงิน 1 หมื่นล้าน ปลดล็อก SMEs ซื้อรถกระบะใหม่ คาดเริ่ม เม.ย.นี้ หนุน “กลุ่มเปราะบาง” เข้าถึงสินเชื่อ จัดวงเงินค้ำประกัน 1.1 แสนล้าน ตลอดปี 68 พลิกฟื้น SMEs ไทย ขานรับนโยบายรัฐ

เปิดประมูลสำรวจและผลิตปิโตรเลียมบนบก ครั้งที่ 25 รวม 9 แปลง 1-16 ก.ค.นี้

บอร์ด รฟท. เคาะขยายเวลาก่อสร้างรถความเร็วสูงไฟไทย-จีน ออกไปอีก 350 วัน หลังส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างล่าช้ากว่ากำหนด เนื่องจากติดสิ่งปลูกสร้างอาคารเช่ากีดขวางงานก่อสร้าง

คลัง หนุน เดินหน้าปรับโครงสร้างภาษีอุตสาหกรรมแบต รองรับการเติบโตรถไฟฟ้า ดึง บสย. ค้ำประกันเงินกู้รถกระบะใช้ประกอบอาชีพ วอน ธปท. ผ่อนปรน LTV กระตุ้นอสังหาฯ

กรุงเทพฯ 5 มี.ค.-กฟผ. ชวนลดค่าไฟฟ้าและลดโลกร้อน มอบส่วนลดค่าล้างเครื่องปรับอากาศ 200 บาท 15,000 สิทธิ์ จะช่วยประหยัดค่าไฟ 2.14 ล้านหน่วย ราว9 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1,119 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการล้างเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ภายใต้แคมเปญ “เปลี่ยนฤดูร้อน เป็นฤดูรัก(ษ์)” กับผู้แทนจากห้างสรรพสินค้าและร้านค้าออนไลน์ชั้นนำ มอบส่วนลดค่าล้างเครื่องปรับอากาศ 200 บาท จากค่าบริการล้างเครื่องปรับอากาศขนาดไม่เกิน 24,000 บีทียู สำหรับประชาชนที่ใช้เครื่องปรับอากาศติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 จำนวน 15,000 สิทธิ์ นายเทพรัตน์ เปิดเผยว่า ภาวะโลกร้อนและอากาศร้อนส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนักขึ้น โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศซึ่งใช้พลังงานสูงติดอันดับต้น ๆ ทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กฟผ. จึงร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าและผู้จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง จัดแคมเปญ “เปลี่ยนฤดูร้อน เป็นฤดูรัก(ษ์)” โดยเริ่มต้นจากการรณรงค์ใช้เครื่องปรับอากาศติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ตามด้วยการบำรุงรักษาให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ทั้งยังยืดอายุการใช้งานตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน […]

บสย. ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ลง 0.15% เหลือ 5.90% ต่อปี สนับสนุนนโยบายรัฐบาล เดินหน้าช่วยเหลือ SMEs ต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ 5 มี.ค.- สมาคมธนาคารไทย ยอมรับมาตรการคุมบัญชีม้ากระทบผู้ใช้บัญชีจริงบ้าง แต่ตัวเลขหลอกลวงออนไลน์ลดลงชัดเจน เน้นตรวจสอบบัญชีเป็นรายบุคคลมากขึ้น นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึงการยกระดับกำกับดูแลบัญชีม้า เป็นเรื่องที่ต้องทำให้เกิดความสมดุลระหว่างความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้บริการด้านการเงิน ซึ่งเมื่อมีการยกระดับการกำกับดูแลจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ด้ที่จะมีผลกระทบต่อเจ้าของบัญชีที่ใช้บริการจริงบางส่วน เช่น ถูกระงับการทำธุรกรรม แต่ก็มีช่องทางให้เจ้าของบัญชีสามารถปลดล็อคบัญชีได้ สำหรับข้อมุลบัญชีม้ามาจาก 2 ส่วน คือ จากหน่วยงานรัฐซึ่งเป็นบัญชีที่ตรวจสอบยืนยันแล้วระดับหนึ่งว่าเป็นบัญชีม้า กับอีกส่วนคือ บัญชีต้องสงสัยที่ธนาคารจะต้องตรวจสอบพฤติกรรมบัญชีว่าเข้าข่ายต้องสงสัย และอาจทำให้ต้องระงับการทำธุรกรรมผ่านบัญชี ซึ่งขณะนี้มีการดำเนนิการในลักษณะรายบุคคลแล้ว ซึ่งผลตามาตรการยกระดับผลการหลอกลวงออนไลน์ลดลงอย่างชัดเจน โดยหลังจากนี้มีแนวทางจะยกระดับเรื่องการดูแลความมั่นคงของบัญชี (account stability) ตรวจสอบลูกค้าที่มาเปิดบัญชีเข้มข้นมากขึ้น เพื่อความปลอดถัยของผู้ใช้บริการทางการเงินของประเทศไทย โดยยืนยันว่าที่ผ่านมา มีการดำเนินการครอบคลุมในทุกด้าน โดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย.-516-สำนักข่าวไทย