กลุ่ม ปตท.พร้อมจ้างงานเพิ่ม-ปรับแผน 3 กลุ่มลงทุนเพื่อความยั่งยืน

กรุงเทพฯ 18 ส.ค. – กลุ่ม ปตท.พร้อมจ้างงานเพิ่ม-ปรับแผน 3 กลุ่มลงทุนเพื่อความยั่งยืน โดยศึกษาปรับโครงสร้างองค์กรรับการรุกธุรกิจพลังงานทดแทนปลายปีนี้ รับผลกระทบจากโควิด-19 กระทบรายได้ปีนี้ลดลงถึง 2 หลัก ชี้ราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้เฉลี่ย 40-45 ดอลลาร์/บาร์เรล


นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เปิดเผยว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ได้ขอให้ บมจ.ปตท.ร่วมเป็นหน่วยงานในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับกระทบจากโควิด-19 ซึ่ง ปตท.ได้ดำเนินการหลากหลายเรื่องและจะเน้นเรื่องการจ้างงานเพิ่มขึ้น ทั้งการจ้างงานตรง โดยบริษัทในกลุ่ม ปตท. และการจ้างงานในรูปแบบเชิงช่วยเหลือสังคมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทั้งกลุ่มกำลังพิจารณาโครงการเพิ่มเติม ขณะเดียวกันได้ดำเนินการรูปแบบการช่วยด้านการตลาดของสินค้าชุมชนทั้งขายผ่านปั๊มน้ำมัน การขายรูปแบบตลาดออนไลน์  เช่น Facebook  Line  Website www.ชุมชนยิ้มได้.com เป็นต้น  เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดแก่ชุมชน การกระตุ้นเศรษฐกิจ…ท่องเที่ยว ส่วนการลงทุนปีนี้ได้ให้นโยบายในกลุ่มเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ทั้งหมด 

“โควิด-19 ส่งผลกับระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ตัวเลขจีดีพีของไทยหลายฝ่ายประเมินว่าอาจลดลงตั้งแต่ร้อยละ 5-8.8 ซึ่งกลุ่ม ปตท.ได้รับผลกระทบทั้งในแง่ยอดขายและราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง ดังนั้น จึงคาดว่ารายได้ปีนี้จะต่ำกว่าปีที่แล้ว ไม่ต่ำกว่า 2 หลัก จากที่ปีที่แล้วมียอดขายประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท โดยปีนี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 40-45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากปีที่แล้วราคาเฉลี่ย 63.5 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าครึ่งปีหลังยอดขายน่าจะดีกว่าครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากคลายล็อกดาวน์” นายอรรถพล กล่าว


นายอรรถพล กล่าว ปตท.ได้วางแผนการดำเนินงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยจัดตั้งศูนย์ PTT Group Vital Center เพื่อรักษาเสถียรภาพมั่นคงทางพลังงาน ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีของไทย นำคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจกลับเข้าสู่การดำเนินงานในสภาวะปกติให้ได้โดยเร็วที่สุด  และยังคงนโยบายทางการเงินอย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง  ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 12,053 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 13,607 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 1,554 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2563  ขณะที่กำไรสุทธิในครึ่งแรกของปี 2563 วงเงิน 10,499 ล้านบาท ลดลง 44,751  ล้านบาท จากในครึ่งแรกของปี 2562 

สำหรับการประชุมปรับกลยุทธ์การดำเนินการของกลุ่ม ปตท.ที่ปรับทุกกลางปีนั้น ปี 2563 ได้เน้น 3 กลุ่ม หลักและจะนำไปสู่การปรับงบลงทุนทุก 5 ปี ในช่วงปลายปี  เน้นการสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ปรับพอร์ตการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้พลังงานระยะยาว  ซึ่งหลายส่วนอาจต้องปรับโครงสร้างธุรกิจรองรับ โดยจะเห็นภาพชัดเจนในปลายปีนี้เช่นกัน สำหรับกลยุทธ์ 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย

1.ธุรกิจขั้นต้น ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ไปสู่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ครบวงจร (LNG Portfolio Player ) ขยายการทำตลาดแอลเอ็นจีในต่างประเทศ แสวงหาโอกาสการลงทุน Value chain ของ Gas และ LNG  ซึ่งที่ผ่านมา ปตท.ได้ดำเนินการมาบ้างแล้ว ในการแสวงหาพันธมิตร เช่น ลงนามกับ บมจ.บ้านปู ศึกษาทิศทางการลงทุนธุรกิจก๊าซในประเทศร่วมกัน การเตรียมพร้อมในการส่งออกแอลเอ็นจี ตามนโยบาย LNG HUB โดยได้ทดสอบส่งไปจีนด้วยวิธีการ “ISO -Container ” การลงนามสัญญาขายแอลเอ็นจีในประเทศเพื่อใช้กับโรงงานต่าง ๆ   การนำเข้าแอลเอ็นจีตลาดจร ซึ่งปีนี้นำเข้ามาแล้ว 7 ลำราคาต่ำเฉลี่ยเพียง 2.5 ดอลลาร์/บาร์เรล  โดยราคาที่นำเข้ามาต่ำสุดคือ 1.78 เหรียญ/บาร์เรล นับเป็นเรื่องที่ดีต่อประเทศทำให้ต้นทุนก๊าซต่ำสุด ขณะเดียวกันได้เน้นเรื่องการขายแอลเอ็นจีในต่างประเทศปีนี้มีสัญญาซื้อขายระยะยาว 12 ลำ ( 720,000 ตัน) ส่งมอบแล้ว 4 ลำ (260,000 ตัน)  ซึ่งในส่วนนี้เป็นไปตามเป้าหมายจะขยายธุรกิจเทรดดิ้งปิโตรเลียม ในต่างประเทศ (out-out  ) ให้มีสัดส่วน ร้อยละ 50 ใน 3 ปีข้างหน้า จากที่ปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 45-47 จากปริมาณเทรดดิ้งรวม 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน และมีอัตราการขยายตัวราวร้อยละ 5-10 ต่อปี 


2. ธุรกิจขั้นปลาย เน้นการสร้างมูลค่าทางธุรกิจร่วมกัน (Synergy ) เพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน โดยต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นช่วงวัฏจักรขาลงของทั้งปิโตรเคมีและโรงกลั่น ดังนั้น จึงต้องร่วมมือเพิ่มมากขึ้นในการลดต้นทุนร่วมให้มากขึ้น

3. ธุรกิจใหม่และพลังงานทดแทน ให้มีสัดส่วนร้อยละ 20 ของพอร์ตลงทุนในอนาคต โดยจะเร่งพัฒนาและขยายธุรกิจ  LIFE SCIENCE อาหารเสริม โลจิสติกส์  ต่อยอดจากธุรกิจ COMMODITY  ไปสู่ Advance material  การต่อยอดจากธุรกิจน้ำมันไปสู่ธุรกิจไลฟ์ไสตล์ต่าง ๆ  ซึ่งในส่วนของธุรกิจพลังงานทดแทน กลุ่ม ปตท.ตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2573 จะมีกำลังผลิตรวม 8,000 เมกะวัตต์ โดยทั้งกลุ่มจะปรับโครงสร้างธุรกิจรองรับ ซึ่งจะมีศึกษาการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน อินเดีย เป็นต้น. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

พิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7 ประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 20 ก.ย.- รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) ประดิษฐานหน้าอาคาร ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า เมื่อเวลา 08.00 น. รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) เพื่อประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา (ถนนสามเสน) โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. นายชวนหลีก หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมการ บมจ.อสมท รวมถึงข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธีด้วย โดยนายไชยาและพล.อ.สวัสดิ์ ถวายพวงมาลัยและโปรยดอกไม้ที่พระบาทของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นปักธูปที่เครื่องบวงสรางพร้อมโปรยดอกไม้ จากนั้นนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง อ่านโองการจากนั้นเชิญประธานในพิธีโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และจุด ธูป เทียน […]

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 20 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “มิแทก” บริเวณทะเลมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวอย่างรวดเร็ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย -สำนักข่าวไทย

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

เบื้องหลังละครกัมพูชา

สระแก้ว 19 ก.ย. – ชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่รามือ หลังพบความพยายามรวบรวมฝูงชนจากพื้นที่อื่น เข้ามาสร้างสถานการณ์ยึดดินแดนไทย อาจมีเบื้องหลังเป็นข้าราชการกัมพูชา-นายทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย