ก.เกษตรฯ เตือนขายทุเรียนอ่อนผิดกฎหมาย

กรุงเทพฯ  5 เม.ย. – ก.เกษตรฯ เตือนเกษตรกรและพ่อค้าอย่าขายทุเรียนอ่อน เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งอาญา และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ส่งผลให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อถือ ที่สำคัญกระทบตลาดใหญ่ต่างประเทศ


นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เดือนเมษายน – พฤษภาคมจะเป็นช่วงที่ทุเรียนเริ่มให้ผลผลิตออกสู่ตลาด ด้วยแรงจูงใจจากราคาที่สูงขายได้ราคาดี เพราะเป็นช่วงต้นฤดูกาลและทุเรียนอ่อนน้ำหนักดีกว่า ทำให้ชาวสวนและพ่อค้าตัดทุเรียนอ่อนออกมาขาย กรมส่งเสริมการเกษตรจึงขอประกาศเตือนให้เจ้าของสวนและพ่อค้าทุเรียนอย่าขายทุเรียนอ่อน เพราะการตัดทุเรียนอ่อนออกมาขายถือว่าผิดกฎหมายผู้บริโภคเข้าข่ายหลอกลวง มีโทษปรับและจำ และจะทำราคาทุเรียนตกต่ำ ถ้าพบชาวสวนหรือพ่อค้าทำผิดก็ให้ดำเนินคดีโดยเด็ดขาด

สำหรับผลเสียที่เกิดจากการขายทุเรียนอ่อน นอกจากจะเป็นปัญหาของตลาดภายในประเทศแล้ว ยังจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดส่งออก โดยไม่เกิน 5 ปีข้างหน้าตลาดส่งออกทุเรียนไทยจะลดลง เนื่องจากประเทศคู่แข่งของไทยไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม และกัมพูชา มีการผลิตทุเรียนคุณภาพมากขึ้น และอยู่ใกล้กับประเทศจีนที่เป็นตลาดส่งออกใหญ่ของไทย ถ้าหากยังตัดทุเรียนอ่อนส่งขายตลาดส่งออกจะลดลงแน่นอนอย่างไรก็ตาม ปัญหาการตัดทุเรียนอ่อนช่วงต้นฤดูยังพบว่าเกิดจากปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และเกษตรกรเจ้าของสวนต้องการความสะดวก จึงจำหน่ายลักษณะเหมาสวน ทำให้เกษตรกรไม่สามารถควบคุมการเก็บเกี่ยวได้ รวมถึงเป็นกลยุทธ์ของพ่อค้าที่จะตัดทุเรียนอ่อนไปจำหน่าย เพื่อทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการน้อยลงระยะหนึ่ง จากนั้นทุเรียนจะมีราคาลดต่ำลง แล้วพ่อค้าก็กลับไปกดราคาจากชาวสวนหรือเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตเริ่มมีมาก 


นายสมชาย  ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหานี้ มีการตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อช่วยกันสกัดกั้นทุเรียนอ่อนในจังหวัดแหล่งผลิตที่สำคัญ โดยใช้บทลงโทษทางกฎหมาย ได้แก่ กฎหมายอาญามาตรา 271 ผู้ใดขายโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพคุณภาพ หรือปริมาณแห่งของอันเป็นเท็จนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 47 ผู้ใดเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่น อันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและขอความร่วมมือชาวสวนทุเรียนจริงจังในการร่วมมือกันช่วยกับภาครัฐบาลในการแก้ไขปัญหาปราบทุเรียนอ่อน สำหรับผู้บริโภคมีข้อสังเกตง่าย ๆ ก่อนซื้อทุเรียน คือ การใช้ไม้เคาะแล้วฟังเสียง หากได้ยินเสียงโปร่งไม่แน่นทึบแสดงว่าแก่แล้ว หรือสังเกตดูบริเวณร่องระหว่างหนาม  หากร่องยังมีสีเขียวและชิดกันอยู่แสดงว่ายังไม่แก่ แต่ถ้าร่องเริ่มห่างกันและมีสีน้ำตาล แสดงว่าแก่แล้ว เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง