ทีเส็บคว้างานประชุมยูนิซิตี้ ดึงผู้นำธุรกิจ 50 ประเทศกว่า 10,000 คนร่วมงาน

กรุงเทพฯ 19 ก.ค. – ยูนิซิตี้ บริษัทอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เลือกประเทศไทยเป็นที่ประชุมผู้บริหารกว่าหมื่นคนจากสาขาทั่วโลกกว่า 50 ประเทศ 5-7 ส.ค.นี้ ด้านทีเส็บ ประกาศความพร้อมจัดงานของไทย นับเป็นงานประชุมองค์กรนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดหลังเปิดประเทศ คาดทั้งปีหลังประชุมมีทริปท่องเที่ยวต่อทั้งพัทยาและภูเก็ต คาดสร้างรายได้เข้าไทย 660 ล้านบาท


นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า ยูนิซิตี้ บริษัทธุรกิจขายตรงด้านสุขภาพที่มีสาขามากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดประชุม 2022 Unicity Global Leadership & Innovation Conference ซึ่งเป็นการประชุมระดับโลกที่รวมสุดยอดผู้นำธุรกิจกว่า 10,000 คน โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 สิงหาคม 2565 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นับเป็นงานประชุมองค์กรนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดหลังจากเปิดประเทศ

“ช่วงนี้สถานการณ์ของโควิด 19 เริ่มคลี่คลายและไทยเข้าสู่การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ประเทศไทยได้รับความสนใจ บริษัทนานาชาติต่างก็เชื่อมั่นในความพร้อมของไทย เพราะเรามีมาตรการป้องกันและควบคุมที่ดี ทีเส็บถือโอกาสนี้เข้าร่วมชักจูง และอำนวยความสะดวกเต็มที่จนเกิดการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลเข้ามาอย่างคึกคัก”นางศุภวรรณกล่าว


นางศุภวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทีเส็บสนับสนุนการจัดงาน 2022 Unicity Global Leadership & Innovation Conference ทั้งด้านงบประมาณบางส่วน และการให้บริการครบวงจร อาทิ การอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองผ่านบริการช่องทางไมซ์เลน (MICE Lane Service) แก่ผู้บริหารและทีมงานที่เข้ามาตั้งแต่ระหว่างการเตรียมงาน ตลอดจนประสานงานกับสถานทูตและสถานกงสุลทั่วโลก อำนวยความสะดวกในการทำวีซ่าเข้าสู่ประเทศไทยสำหรับผู้เข้าร่วมงานจากนานาประเทศ

การจัดงานนี้ คาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจของไทย เช่น ค่าสถานที่จัดงาน ค่าบริษัทดูแลการจัดงาน ค่ารถรับส่ง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้เข้าร่วมงาน ตลอดจนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าและบริการในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งหลังจากการประชุมผู้เข้าร่วมงานจะเดินทางออกสู่จังหวัดต่าง ๆ อาทิ จังหวัดภูเก็ต และเมืองพัทยา โดยประมาณการว่าจะสร้างเศรษฐกิจกระจายรายได้ให้ประเทศได้ถึง 660 ล้านบาท

มร. คริสโตเฟอร์ คิม ประธานบริหาร ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดงาน 2022 Global Leadership and Innovation Conference ที่สร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด “IT’S TIME TO FEEL GREAT” ให้ชีวิตพร้อมเดินหน้าสู่ความสำเร็จร่วมกันว่า ยูนิซิตี้ มีความพร้อมอย่างมากในการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกในครั้งนี้ซึ่งถือเป็นงานที่เหล่านักธุรกิจยูนิซิตี้ต่างเฝ้ารอที่จะฉลองความสำเร็จร่วมกัน รวมทั้งปลุกพลังความแข็งแกร่งให้แก่สมาชิกเพื่อพร้อมที่จะสร้างชีวิตที่ดีกว่า (Make Life Better) ไปด้วยกัน แม้ว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับผลกระทบจากโควิด 19 ทำให้ต้องสูญเสียหลากหลายมิติทางความสุขในชีวิตไป แต่สำหรับยูนิซิตี้แล้ว นี่คือความท้าทายครั้งสำคัญที่เราต้องฝ่าไปให้ได้ และเราสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราทำได้และทำได้ดีจนเกิดเป็นพลังแห่งความสำเร็จร่วมกันในครั้งนี้ และพร้อมจะแบ่งปันความสำเร็จเหล่านั้นไปสู่ผู้คนรอบข้างอย่างไม่หยุดยั้ง


“การกลับมาจัดงานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกในประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ ยูนิซิตี้ ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการจัดงาน Global Leadership and Innovation Conference ในปี 2014 โดยการจัดงานทั้ง 2 ครั้งล้วนได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากทีเส็บ และด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของไทยตลอดจนความโดดเด่นในฐานะประเทศในฝันของเหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทำให้ ยูนิซิตี้ มั่นใจที่จะใช้ไทยเป็นพื้นที่จัดงานดังกล่าวอีกครั้ง ที่สำคัญยังเป็นการประกาศความสำเร็จในการเติบโตทางธุรกิจของยูนิซิตี้ในภูมิภาคเอเชียที่ขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในหลายประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าการจัดงานในครั้งนี้จะช่วยนำกลุ่มนักธุรกิจยูนิซิตี้จากกว่า 50 ประเทศ เข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้มากกว่า 10,000 คน ซึ่งจะช่วยสร้างให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในไทยได้อย่างแน่นอน” มร. คริสโตเฟอร์ คิม กล่าวแสดงความเชื่อมั่น

ทั้งนี้ ทีเส็บ ประมาณการในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2565 ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน ว่าจะมีกลุ่มองค์กรนานาชาติเพื่อการประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 25 กลุ่ม รวมจำนวนกว่า 15,138 ราย ทั้งจากประเทศอินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อังกฤษและเวียดนาม ฯลฯ สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจไทยกว่า 1,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจ

มุกดาหาร 27 ก.ค. – แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายที่ได้รับใช้ชาติ ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ครอบครัว จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา หรือ จ่าโต๋ ซึ่งเสียชีวิตบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาบริเวณเนิน 333 แม่ของ จ.ส.อ.ธวัชชัย บอกว่าตอนนี้ตนได้เปลี่ยนจากความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายในการรับใช้ชาติ อีกทั้งครอบครัวได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นบุญของลูกชายและครอบครัว ส่วนน้องชายที่เป็นทหารพรานอยู่ตอนนี้ก็ไม่ถอดใจ ส่วนที่ศาลาประชาคมชาวบ้านห้วยเตย ตำบลศรีสุขสำราญ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาพร้อมใจกันร้องเพลงชาติไทยดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังและส่งกำลังใจให้ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาชายแดนไทยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดจุดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำส่งความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัย.-สำนักข่าวไทย

ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก แม้ “ทรัมป์” เสนอเจรจาหยุดยิง

สุรินทร์ 27 ก.ค.-ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก กัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แต่เช้ามืด กระสุนบางส่วนตกใส่หมู่บ้านฝั่งไทย ขยายรัศมีไกลขึ้นเรื่อยๆ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เสนอเจรจาหยุดยิง แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงผ่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา แต่ขณะที่ยังไม่มีการเจรจาทวิภาคี ระหว่างไทย-กัมพูชา เช้ามืดวันนี้ ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ก็ยังมีการปะทะกันอย่างหนัก จนกระสุนมาตกสร้างความเสียหายให้ราษฎรไทยอย่างที่เห็น“ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควายและตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่ช่วงตี 4 กระสุนจากการประทะบางส่วนเข้ามาตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปรากฏกระสุนรุกล้ำดินแดนไทยลึกเข้ามาเรื่อยๆ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และมีไฟลุกไหม้ เศษสังกะสี ซีเมนต์ วัสดุโครงสร้างบ้านปลิวกระจัดกระจาย เคราะห์ยังดี ที่เจ้าของบ้านอพยพออกนอกพื้นที่หมดแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ขอร้องให้อพยพออกไปเมื่อวานนี้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต บางจุดลงฟาร์มวัววากิว ทำให้วัวตายไป 6 ตัว เจ้าของวัวเล่าว่า ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงลูกปืนใหญ่ของ 2 ฝ่าย และสังเกตเห็นจรวด BM-21 พุ่งเข้ามาที่คอกวัว จึงได้หลบหาที่กำบัง พอเสียงเงียบ ตนก็รีบออกมาดู ก็พบว่า วัวของตนถูกกระสุนตายไป […]

บุรีรัมย์สั่งอพยพชาวบ้านเพิ่ม 3 อำเภอ

บุรีรัมย์ 27 ก.ค.-บุรีรัมย์ ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเพิ่มอีก 3 อำเภอ หลังพื้นที่ปะทะและรัศมีอาวุธขยายไปไกลขึ้น ทั้งวัด โรงเรียน ศูนย์พักพิงชั่วคราว และ รพ.อีก 2 แห่ง ต้องอพยพผู้ป่วยด่วน เหลือเพียงหน่วยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วงเวลาบ่าย 2-3 โมง เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีเสียงปืน เสียงระเบิดดังเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ ตกในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ละหานทราย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โนนดินแดง อพยพไปอยู่ตามบ้านญาติ หรือศูนย์พักพิงที่ห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุนปืนใหญ่ และอาวุธหนัก บางครัวเรือนก็มีลูกหลานมารับออกไปแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ก็ได้จัดรถไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย ด้าน โรงพยาบาลในพื้นที่ 2 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ก็มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน รวมถึงให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่หน่วยที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉิน […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย