กรุงเทพฯ 25 ม.ค. – คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ผนึกกำลังทีเส็บ ลงนามสนับสนุนไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand พร้อมปลุกกระแสให้เป็นวาระแห่งชาติ ก่อนเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายชิงชัยกับ 4 ประเทศเดือนมิถุนายนนี้
พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง กกร. สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เพื่อร่วมสนับสนุนประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ตอกย้ำความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของประเทศ โดยแฉพาะการสนับสนุนจากภาคเอกชนที่จะเป็นการเน้นย้ำและสร้างความมั่นใจให้แก่คณะกรรมการจากองค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau International des Expositions หรือ BIE) และประเทศสมาชิกรวมกว่า 171 ประเทศ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธาน กกร. และประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กกร.มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนประเทศไทยและจังหวัดภูเก็ตในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ผ่านการสร้างการรับรู้และขอความร่วมมือไปยังเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด Connect the Dots รวมพลังในการเชื่อมต่อเพื่อสร้างการรับรู้ให้บรรลุผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ซึ่งจะได้ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ กกร.จังหวัดภูเก็ต และ กกร.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ในการเตรียมความพร้อมสร้างการมีส่วนร่วมและการรับรู้ในการดำเนินกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างโอกาสให้ประเทศไทยในการได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand อีกทั้งจะขอความร่วมมือจาก กกร.ทุกจังหวัดของไทย และกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) ของหอการค้าไทย เพื่อให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุกมิติ
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการทีเส็บ กล่าวว่า ไทยผ่านการทำพรีเซนเทชัน 2 ครั้ง ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โป ภายใต้ชื่อ Expo 2028 Phuket Thailand ระหว่าง 20 มีนาคม-17 มิถุนายน 2571 บนพื้นที่ 171 ไร่ ใน ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ภายใต้แนวคิด Future of Life: Living in Harmony, Sharing Prosperity หากไทยเป็นเจ้าภาพจะได้ประโยชน์หลายด้าน เช่น การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนความรู้ นวัตกรรมด้านต่าง ๆ เกิดการขยายตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง
การจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand คาดการณ์ว่าจะดึงผู้เข้าร่วมงานได้ 4.92 ล้านคน มีผู้เข้าชมหมุนเวียนประมาณ 7 ล้านคน จาก 106 ประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดเงินสะพัดระหว่างงาน 49,231 ล้านบาท มี GDP มากกว่า 39,357 ล้านบาท เกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษีกว่า 9,512 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานมากกว่า 113,439 ตำแหน่ง.-สำนักข่าวไทย