ปีงบ 64 ทีเส็บตั้งเป้าดึงนักเดินทางไมซ์ 10.4 ล้านคน

กรุงเทพฯ 7 ต.ค. – ทีเส็บเปิดแผนปีงบ 64 ดึงอุตสาหกรรมไมซ์ปรับแนวรุกฝ่าโควิค-19 ภายใต้แนวคิด “ไมซ์วิถีใหม่ เติบโตอย่างยั่งยืน” ตั้งเป้าดึงนักเดินทางไมซ์ 10.4 ล้านคน สร้างรายได้ 64,000 ล้านบาท


นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เปิดเผยผลการดำเนินงานปีงบ 2563 ว่า ทีเส็บสนับสนุนธุรกิจไมซ์ ทำให้ภาพรวมประเทศไทยมีนักเดินทางไมซ์ 10,456,899 คน สร้างรายได้ 61,317 ล้านบาท ส่วนปีงบ 2564 ตั้งเป้าดึงนักเดินทางไมซ์ 10.4 ล้านคน สร้างรายได้ 64,000 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานปีงบ 2563 แบ่งเป็นนักเดินทางไมซ์ต่างชาติ 500,090 คน สร้างรายได้ 29,819 ล้านบาท  ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มประชุมองค์กร 149,638 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำรายได้สูงสุด 9,414 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มประชุมวิชาชีพ 139,639 คน รายได้ 8,317 ล้านบาท กลุ่มการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล 122,102 คน รายได้ 5,624 ล้านบาท และกลุ่มงานแสดงสินค้า 88,711 คน รายได้ 6,464 ล้านบาท


ด้านนักเดินทางไมซ์ในประเทศ 9,956,809 คน สร้างรายได้ 31,498 ล้านบาท มีกลุ่มงานแสดงสินค้าเป็นตลาดใหญ่ที่สุด 7,900,843 คน สร้างรายได้ 26,452 ล้านบาท รองลงมา คือ กลุ่มประชุมวิชาชีพ 1,350,609 คน รายได้  3,016 ล้านบาท กลุ่มประชุมองค์กร 604,246 คน รายได้ 1,501 ล้านบาท และกลุ่มการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล 101,111 คน ทำรายได้ 529 ล้านบาท

ส่วนปีงบประมาณ 2564 คาดว่าอุตสาหกรรมไมซ์จะเติบโตประมาณ 3.5% โดยไตรมาสแรกภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ทีเส็บให้การสนับสนุนประมาณ 70 งาน นับว่าอุตสาหกรรมไมซ์เป็นกลไกสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งภาคีทุกฝ่ายทั้งรัฐและเอกชนมีความร่วมมือกันอย่างดีเยี่ยม  

นายจิรุตถ์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานปีงบ 2564 ว่า ทีเส็บได้นำปัจจัยโควิด-19 และผลกระทบต่าง ๆ มาเป็นประเด็นสำคัญ ทำให้ไตรมาส 3 เริ่มผ่อนคลายอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศก็เริ่มคึกคัก เพราะทีเส็บมีมาตรการกระตุ้นการจัดงานและผู้จัดงานก็มีความพร้อม ดังนั้น ตลาดในประเทศจึงยังมีศักยภาพที่ดี ขณะเดียวกันพบว่างานที่จัดมีผู้เข้าร่วมแบบออนไลน์ 55.4% หรือ 375,094 คน และออฟไลน์ 44.6% หรือ  302,312 คน แสดงว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดงานได้ผลดี


ผอ.ทีเส็บ กล่าวว่า จากสภาพการณ์ดังกล่าวกับความไม่แน่นอนของผลกระทบจากโควิด-19 จึงวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในปีงบประมาณ 2564 ด้วยแนวคิด “ไมซ์วิถีใหม่ เติบโตอย่างยั่งยืน” มุ่งส่งเสริมการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ และสร้างความเข้มแข็งจากภายในผ่าน 4 แนวทางหลัก คือ การกระตุ้นตลาดในประเทศ การดึงงานนานาชาติ การขับเคลื่อนไมซ์ด้วยนวัตกรรม และการพัฒนาระบบนิเวศไมซ์ไทย เพื่อส่งเสริมและสร้างโอกาสพลิกฟื้นอุตสาหกรรมไมซ์ไทยกลับมาให้ได้เร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง