fbpx

ทีเส็บ ชู “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า”

กรุงเทพฯ 14 ธ.ค. – ทีเส็บเผยผลโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” เพื่อกระตุ้นกิจกรรมไมซ์ในประเทศ เอกชนร่วมมือคึกคักกว่า 62,000 คน จากกว่า 1,000 กลุ่ม สร้างรายได้แก่ธุรกิจประมาณ 130 ล้านบาท หรือกว่าหกเท่าของงบกระตุ้นการประชุม



นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า การจัดโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” รณรงค์ให้องค์กรเอกชนเร่งจัดประชุมสัมมนาและให้รางวัลพนักงานเดินทางในประเทศ กระตุ้นให้เกิดการสร้างงานและกระจายรายได้ไปยังชุมชนในภูมิภาคต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงสถานการณ์โควิด 19 นั้นนับว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก
ขณะนี้มีองค์กรที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการตลอดระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 20 ตุลาคม 2563 จำนวน 1,049 กลุ่ม คิดเป็นจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมไมซ์ทั้งสิ้น 62,555 คน กระจายการจัดงานไปยัง 50 จังหวัดในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ก่อให้เกิดรายได้แก่ธุรกิจประมาณ 130 ล้านบาท


“โครงการฯ นี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยผ่านการจัดประชุมสัมมนาและกิจกรรมไมซ์ในประเทศ ขณะที่ตลาดไมซ์ต่างประเทศยังไม่สามารถเข้ามาทำกิจกรรมในไทยได้ เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 19 โดยทีเส็บให้การสนับสนุนงบประมาณสำหรับจัดงานแก่องค์กรเอกชนที่ขอรับการสนับสนุนในรูปแบบบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาทต่อกลุ่มตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยโครงการฯนี้ ทีเส็บได้ใช้งบประมาณไปกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งนับว่าได้ผลตอบรับที่ดีมากในการสร้างให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในประเทศ” นายจิรุตถ์ กล่าว



กิจกรรมไมซ์ที่ทีเส็บให้การสนับสนุนทั้ง 6 ด้านนั้น พบว่า การสัมมนาองค์กร มีจำนวนมากที่สุดถึง 35% คิดเป็นจำนวนงาน 315 งาน จากทั้งหมด 896 งาน รองลงมาคือ การประชุมองค์กร 27% มีจำนวน 246 งาน กิจกรรมนอกสถานที่ทำการของบริษัท 14% มีจำนวน 127 งาน กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ 10% มีจำนวน 94 งาน กิจกรรมเพื่อสังคม 9% มีจำนวน 81 งาน และการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลองค์กร 4% มีจำนวน 33 งาน


หากพิจารณาการจัดงานภายใต้แนวคิด 7 รูปแบบ กิจกรรมการสร้างทีมเวิร์ค ได้รับความนิยมสูงสุดถึง 63% คิดเป็นจำนวน 377 งาน จากทั้งหมด 596 งาน รองลงมาคือกิจกรรม CSR และการประชุมเชิงอนุรักษ์ 15% มีจำนวน 88 งาน ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม 10% มีจำนวน 59 งาน กิจกรรมบรรยากาศชายหาด 5% มีจำนวน 31 งาน การจัดงานและกิจกรรมหรูหรามีระดับ 4% มีจำนวน 23 งาน กิจกรรมนำเสนออาหารไทยในทุกการจัดงานที่หลากหลาย 2% มีจำนวน 11 งาน และการผจญภัย 1% มีจำนวน 7 งาน


“จากสถิติงานที่ขอรับการสนับสนุนพบว่า แม้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายด้าน แต่องค์กรบริษัทส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับการจัดประชุมสัมมนาตลอดจนกิจกรรมที่ช่วยสร้างทีมเวิร์คให้กับองค์กร ดังนั้นการรณรงค์ส่งเสริมการจัดประชุมสัมมนาในประเทศจึงเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจในประเทศให้ขับเคลื่อนไปได้ และกระจายรายได้ไปสู่ภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจนถึงระดับชุมชนอีกด้วย ทั้งนี้คาดว่าในปี 2564 นี้ ตลาดไมซ์จะเติบโตประมาณ 3.5% โดยมีนักเดินทางไมซ์ในประเทศประมาณ 10 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 30,000 ล้านบาท” นายจิรุตถ์ กล่าว . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME