กรุงเทพฯ 18 ก.ค.- กรมเจ้าท่า มั่นใจปี 2566 ปรับปรุงกายภาพท่าเรือใน กทม.-ปริมณฑล ครบ 29 แห่ง แล้วเสร็จตามแผน ก่อนติดตั้งระบบเป็นท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier) ในปี 2567 ยกเครื่องบริการเรือโดยสารในเจ้าพระยา นำสมัยด้วยระบบดิจิทัล หนุนการท่องเที่ยว ส่วนความคืบหน้านำเรือไฟฟ้า (EV) มาให้บริการ คาดเอกชนบรรจุเรือเข้าให้บริการได้อีก 20 ลำ
นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) ด้านปฏิบัติการ เปิดเผยความคืบหน้าการพัฒนาท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามแผนทั้งหมด 29 แห่ง โดยความคืบหน้าขณะนี้มั่นใจว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จตามแผน คือ ภายในปี 2566 จะดำเนินการปรับปรุงกายภาพ ตกแต่งท่าเรือใหม่ให้เกิดความสวยงาม และเกิดความสะดวกคล่องตัวสำหรับผู้ใช้บริการครบทั้ง 29 แห่ง หลังจากนั้นจะดำเนินการติดตั้งระบบให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะ หรือ Smart Pier ในปี 2567 โดยมีภาคเอกชนที่เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการตามกรอบที่กรมเจ้าท่ากำหนดจะติดตั้งระบบต่างๆ ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีระบบดิจิทัลมายกระดับบริการ
โดยรายละเอียดของระบบ Smart Pier เช่น ระบบบอกเวลาเรือเข้า-ออกท่าเรือแบบเรียลไทม์ของท่าเรือผ่านหน้าจอดิจิทัล เพื่อให้ผู้เดินทางรู้กำหนดเวลาแน่นอนที่เรือมาถึง สามารถบริหารเวลาการเดินทางได้ ระบบจัดเก็บค่าโดยสารแบบเงินดิจิทัล ระยะเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นบัตรเติมเงิน และตัดเงินค่าโดยสารผ่านบัตรใบนี้ ช่วยลดการสัมผัส ก่อนที่ในอนาคตจะปรับเป็นระบบตัด-เติมเงิน ผ่านตัวอ่านข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ ก็จะยิ่งได้รับความสะดวกไปอีก
นอกจากนี้ ระบบ Smart Pier ยังมีระบบแนะนำเส้นทางการเชื่อมต่อรถโดยสาร ทางลาดคนพิการ และห้องน้ำอัจฉริยะ ที่ทั้งสะอาด และสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจุดบริการชาร์จแบตเตอรี่มือถือ และ Free Wi-Fi ด้วยแนวคิดท่าเรือที่ไม่ใช่เพื่อการเดินทางเพียงอย่างเดียว แต่บุคคลทั่วไปสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อีกด้วย
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยทำเป็นท่าเรือระบบปิดนั้น ในเรื่องนี้ได้นำเสนอข้อมูลให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว โดยขั้นตอนต่อไป กระทรวงคมนาคมจะนำเข้าเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กรมเจ้าท่ามีแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 29 แห่ง ระหว่างปี พ.ศ. 2562-2567 เพื่อพัฒนายกระดับท่าเรือให้มีความสวยงาม ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ตลอดจนนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการควบคุมและบริหารจัดการบนท่าเรือ โดยความคืบหน้าปัจจุบันแบ่งเป็นท่าเรือที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือกรมเจ้าท่า, ท่าเรือสะพานพุทธ, ท่าเรือนนทบุรี, ท่าเรือท่าช้าง และท่าเรือสาทร จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2565 จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือราชินี, ท่าเรือบางโพ, ท่าเรือพายัพ, ท่าเรือท่าเตียน, ท่าเรือพระราม 7 และท่าเรือเกียกกาย และมีแผนก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2567 จำนวน 18 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือพระปิ่นเกล้า, ท่าเรือพระราม 5, ท่าเรือสะพานกรุงธน (ซังฮี้), ท่าเรือเขียวไข่กา, ท่าเรือโอเรียนเต็ล, ท่าเรือเทเวศร์, ท่าเรือราชวงศ์, ท่าเรือสี่พระยา, ท่าเรือพรานนก, ท่าเรือพิบูลสงคราม 2 (นนทบุรี), ท่าเรือวัดตึก, ท่าเรือพิบูลสงคราม 1, ท่าเรือวัดเขมา, ท่าเรือวัดสร้อยทอง, ท่าเรือวัดเทพากร, ท่าเรือวัดเทพนารี, ท่าเรือรถไฟ และท่าเรือวัดเศวตฉัตร โดยจะมีการติดตั้งระบบควบคุมและบริหารจัดการบนท่าเรือแล้วเสร็จทั้ง 29 ท่าเรือ ภายในปี 2567
ขณะที่ในส่วนของตัวเรือ กรมเจ้าท่าได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารปรับเปลี่ยนรูปแบบเรือมาใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษ และลดปริมาณการใช้พลังงานน้ำมัน พร้อมการนำเรือไฟฟ้า EV มาให้บริการท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาท่าเรือเป็น Smart Pier ขณะนี้เอกชนที่ดำเนินการ แจ้งว่า ภายในปีนี้จะมีการนำเรือไฟฟ้าเข้ามาให้บริการในระบบอีก 20 ลำ จากปัจจุบันที่มีให้บริการอยู่ 28 ลำ
ทั้งนี้ โครงการเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า นับเป็นโครงการที่มีส่วนสำคัญ เป็นความร่วมมือระหว่างกรมเจ้าท่า และภาคเอกชน ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ในการพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้ามาใช้เพิ่มขึ้น เพื่อสอดรับกับแผนพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการจราจรทางบก ช่วยลดมลพิษ เพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอีกเส้นทางหนึ่ง เชื่อมโยงเส้นทางการเดินทางของประชาชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งทางรถ ราง เรือ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป.-สำนักข่าวไทย