“มนัญญา” เผยดีเอสไอเตรียมรับคดีสหกรณ์กระทรวงเกษตรฯ เป็นคดีพิเศษ

กรุงเทพฯ 20 เม.ย.-รมช.มนัญญา ระบุ นายกฯ กำชับให้เร่งคลี่คลายคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ ล่าสุดดีเอสไอเตรียมรับเป็นคดีพิเศษ ส่วน ปปง. เร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของคณะกรรมการสหกรณ์ทุกคนด้วย ทวงถามความจริงใจประธานสหกรณ์ฯ หลังไม่เข้าประชุม 2 ครั้งติด


นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการดำเนินกิจกรรมสหกรณ์แก่ประธานและผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 15 แห่ง พร้อมด้วยนายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นางรพีพร กลั่นเนียม รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ โดยระบุว่า ต้องการให้การดำเนินงานของสหกรณ์ของหน่วยราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นไปด้วยความโปร่งใสเนื่องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหน้าที่กำกับดูแลสหกรณ์โดยตรง

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่สหกรณ์ยักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัดสร้างความเสียหายต่อสมาชิกสหกรณ์และความน่าเชื่อถือระบบสหกรณ์จึงขอฝากให้ทุกสหกรณ์ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กลับไปตรวจสอบระบบบัญชีให้ถูกต้องและฝากสมาชิกทุกคนเป็นหูเป็นตาช่วยกันตรวจสอบการทำงานของกรรมการและเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยไม่ให้เกิดเหตุลักษณะเดียวกับสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กลับคืนมา รวมถึงป้องกันความเสียหายในอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับสหกรณ์อื่นๆ


นางสาวมนัญญากล่าวต่อว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีห่วงใยและกำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ว่า ขอให้เร่งดำเนินการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังเพราะไม่ต้องการให้เกิดการทุจริตในระบบสหกรณ์ ทางสหกรณ์แจ้งความที่สน.นางเลิ้งแล้ว พนักงานสอบสวนกำลังติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งมาว่า พร้อมรับเป็นคดีพิเศษ โดยตนเองกำลังทำหนังสือถึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อนำเรียนต่อนายรัฐมนตรีสั่งการให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษ

ทั้งนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์รายงานว่า ได้ร่วมกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ตรวจสอบติดตามแก้ไขปัญหาและวางแนวทางป้องกันการทุจริต ล่าสุดจากการตรวจสอบรายงานความเสียหาย ณ วันที่ 19 เมษายน 2565 พบความคลาดเคลื่อนทางบัญชีของสมาชิก 155 รายเป็นเงิน 644 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบทานให้ความเสียหายที่แก้จริง ขณะเดียวกันตำรวจกำลังรอผลการตรวจสอบยอดเงินที่ถูกยักยอกทั้งหมดจากสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัดเช่นกัน 

นางสาวมนัญญากล่าวว่า ต้องการให้เร่งตรวจสอบความเสียหายให้ครบ 100% โดยเร็วเพื่อที่สหกรณ์จะได้เร่งคืนเงินที่ถูกยักย้ายออกไปจากบัญชีให้สมาชิก จึงสั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ไปพบสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบบัญชีถึงบ้าน เนื่องจากบางคนอายุมากอาจไม่สะดวกเดินทางมาตรวจสอบบัญชีเอง หรืออาจยังไม่ทราบข่าว ซึ่งจำนวนสมาชิกทั้งหมดมี 4502 ราย แต่บัญชีเงินฝากมี 1,293 บัญชี จากที่ทางสหกรณ์แจ้งว่า จะตรวจสอบความเสียหายได้ครบในเดือนพฤษภาคม หากทั้ง 2 กรมเข้าช่วยติดตามสมาชิกคาดว่า จะเร็วกว่านั้น


นางสาวมนัญญาตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดประธานสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัดจึงไม่มาประชุมในวันนี้ ทั้งๆ ที่ต้องให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด แต่กลับไม่เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งที่ 2 แล้วส่งกรรมการคนอื่นมาแทน 

ดังนั้นในฐานะที่กำกับดูแลกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ตนเองต้องทำตามหน้าที่ จะเร่งสะสาง ไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อ พร้อมระบุว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้จัดการสหกรณ์และเจ้าหน้าที่การเงินซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ แล้วจะขยายผลตรวจสอบกรรมการสหกรณ์ทุกคนในชุดนี้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีการทุจริตยักยอกทรัพย์ของหรือไม่ 

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์รายงานถึงตัวเลขสินทรัพย์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้งหมด 15 สหกรณ์ ได้แก่ 1. สหกรณ์ข้าราชการสหกรณ์ จำกัด สินทรัพย์ 6,500 ล้านบาท 2. สหกรณ์ออมทรัพย์กรมชลประทาน จำกัด สินทรัพย์ 21,000 ล้านบาท 3. สหกรณ์ออมทรัพย์กรมปศุสัตว์ จำกัดสินทรัพย์ 6,900 ล้านบาท 4. สหกรณ์ออมทรัพย์กรมวิชาการเกษตร จำกัด สินทรัพย์ 8,900 ล้านบาท 5. สหกรณ์ออมทรัพย์กรมส่งเสริมการเกษตรจำกัด สินทรัพย์ 12,500 ล้านบาท 6. สหกรณ์ออมทรัพย์กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จำกัดสินทรัพย์ 1,800 ล้านบาท 7. สหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด สินทรัพย์ 2,866 ล้านบาท 8. สหกรณ์ออมทรัพย์กรมประมง จำกัด สินทรัพย์ 3,500 ล้านบาท 9. สหกรณ์ออมทรัพย์กรมพัฒนาที่ดิน จำกัด  สินทรัพย์ 2,200 ล้านบาท 10. สหกรณ์ออมทรัพย์สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม จำกัด สินทรัพย์ 2,200 ล้านบาท 11. สหกรณ์ออมทรัพย์การยางแห่งประเทศไทย จำกัด สินทรัพย์ 3,200 ล้านบาท 12. สหกรณ์ออมทรัพย์การยางแห่งประเทศไทย 1 จำกัด สินทรัพย์ 350 ล้านบาท 13. สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานองค์การสะพานปลา จำกัดสินทรัพย์ 34 ล้านบาท 14. สหกรณ์ออมทรัพย์องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร จำกัด 70 ล้านบาท และ 15. สหกรณ์ออมทรัพย์ผู้ปฏิบัติงานองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย จำกัด สินทรัพย์ 750 ล้านบาท สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศมี 1,463 สหกรณ์ สินทรัพย์รวม 2.8 ล้านล้านบาท 

นายประภากร อินทโสภา กรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า สหกรณ์ได้ดำเนินการไปแล้วใน 3 ประเด็นได้แก่

1. แจ้งความเสียหายต่อสน.นางเลิ้งให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ราย 

2. อยู่ระหว่างการสอบทานตัวเลขความเสียหาย ซึ่งล่าสุด ณ วันที่ 19 เม.ย.65 มีผู้มาแจ้ง 115 ราย สินทรัพย์ 644 ล้านบาทซึ่งต้องสอบให้ได้ข้อยุติ คาดว่า จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ที่ต้องสอบทานเป็นรายบุคคลเนื่องจากบางรายเมื่อมายืนยันข้อเท็จจริงพบการเบิกจ่ายในบัญชี 10 รายการ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า สมาชิกดำเนินการด้วยตัวเอง 8 ราย เป็นต้น 

3. อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะนำเงินของสหกรณ์มาจ่ายให้กับสมาชิกที่เสียหายว่า จะนำมาจากที่ไหน เบื้องต้นพบว่าสหกรณ์มีเงินลงทุนในสหกรณ์อื่นๆ 3 – 4 แห่ง สามารถนำมาชดเชยได้ ภายหลังคดีแล้วเสร็จ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]