กรุงเทพฯ 1 เม.ย.- ไบโอเทค สวทช. พัฒนา “ไวรัสตัวแทน” ทดสอบสูตรวัคซีนและยารักษาโรคโควิด-19 แบบเชิงรุก โดยเป็นไวรัสที่มีกลไกในการติดเชื้อเข้าสู่เซลล์ได้เหมือนโคโรนาไวรัสตัวจริง แต่ปรับให้มีคุณสมบัติไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ ซึ่งองค์การอนามัยโลกยอมรับประสิทธิภาพและความปลอดภัย
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ทีมวิจัยไบโอเทคนำความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนา “ไวรัสตัวแทน” (Pseudotyped Virus) ที่มีกลไกในการติดเชื้อเข้าสู่เซลล์ได้เหมือนไวรัสตัวจริง แต่ผ่านการปรับให้มีคุณสมบัติไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยอมรับเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย ตลอดจนมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน มาใช้พัฒนา “ไวรัสตัวแทนไวรัสก่อโรคโควิด-19” สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยเทคโนโลยีที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นนี้สามารถใช้ผลิตไวรัสตัวแทนไวรัสก่อโรคโควิด-19 จากข้อมูลรหัสพันธุกรรมได้ทุกสายพันธุ์
ทั้งนี้ ไวรัสตัวแทนเป็นเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบไวรัสก่อโรคโควิด-19 จากที่ทราบกันดีว่า ไวรัส SARS-CoV-2 ใช้โปรตีนตรงส่วนหนามในการจับและเข้าสู่เซลล์ ทีมวิจัยจึงได้นำโปรตีนหนามของไวรัส SARS-CoV-2 มาใส่ไว้ในไวรัสอีกตัวหนึ่ง ซึ่งมีความปลอดภัยและไม่อันตราย โดยไวรัสตัวแทนมีจุดเด่นสำคัญหลายประการ คือ ช่วยให้นักวิจัยสามารถทำงานเชิงรุกได้ เมื่อมีการค้นพบการกลายพันธุ์ของไวรัสก่อโรคโควิด-19 นักวิจัยสามารถนำข้อมูลรหัสพันธุกรรมมาสร้างไวรัสตัวแทนเพื่อใช้ดำเนินงานได้ทันที ไม่ต้องรอให้มีการติดเชื้อของสายพันธุ์นั้นในประเทศแล้วจึงแยกเชื้อออกมาจากผู้ป่วย นอกจากนี้ยังปลอดภัย เพราะไวรัสตัวแทนไม่ก่อให้เกิดโรค นักวิจัยหรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการจึงสามารถใช้งานไวรัสตัวแทนในห้องปฏิบัติการของสถานพยาบาลทั่วไปได้
ข้อดีอีกประการคือ ทดสอบได้รวดเร็ว เนื่องจากไวรัสตัวแทนสามารถแสดงผลการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ให้เห็นอย่างชัดเจนภายใน 48 ชั่วโมง ต่างจากไวรัสของจริงที่ต้องใช้เวลา 5-6 วัน นอกจากนี้ การทดสอบด้วยไวรัสตัวแทนยังทำได้มากถึงครั้งละ 90 ตัวอย่าง ขณะที่การทดสอบด้วยไวรัสของจริงทำได้เพียงครั้งละ 6 ตัวอย่าง รวมถึงผลิตได้ปริมาณมากในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้มีปริมาณไวรัสมากพอในการทดสอบ สามารถทำวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานได้มากถึง 20-30 เท่า
ดร.อนันต์ กล่าวต่อว่า นับจากนี้การวิจัยและพัฒนาวัคซีน สูตรการฉีดวัคซีน รวมถึงยารักษาโรคจากไวรัสต่างๆ ของประเทศไทยจะมีความราบรื่นและรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้สร้างไวรัสตัวแทนไวรัสก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์กลายพันธุ์ใหม่ที่น่ากังวล เพื่อเตรียมรับมือการระบาดรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
ที่ผ่านมาไบโอเทคได้นำไวรัสตัวแทนมาให้บริการการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศแล้ว ทั้งการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 ที่มีการฉีดภายในประเทศ การทดสอบสูตรการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับบุคคลกลุ่มต่างๆ และการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ได้แก่ วัคซีน Chula-CoV-19 วัคซีนใบยา และวัคซีน HXP–GPOVac.-สำนักข่าวไทย