กรุงเทพฯ 10 ก.พ.-PEACE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก เปิดเทรดที่ราคา 5.50 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1.52 บาท หรือ 38.19% จากราคาจองซื้อ 3.98 บาทต่อหุ้น
บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (10 ก.พ.2565) เป็นวันแรก โดยเปิดตลาดที่ 5.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1.52 บาท หรือ 38.19% จากราคาจองซื้อ 3.98 บาทต่อหุ้น ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบเพื่อขาย ประเภทบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม โดยบริษัทเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลเป็นหลัก เช่น แบรนด์ Cordiz, The Glamor และ Cher ราคาIPO 3.98 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 334.32 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,671.6 ล้านบาท
นายประสพศักดิ์ ศิริโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง (PEACE) เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน ทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเชิงรุกมากขึ้น กำหนดเป้าหมายการเติบโตของรายได้ขายเพิ่มเป็น 2 เท่าจากรายได้ขายในปี 2564 ภายใน 3 ปี (ปี 2567) และเติบโตเป็น 3 เท่า ภายใน 5 ปี (ปี 2569) พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายในการรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้อยู่ที่ระดับร้อยละ 35 – 40 เช่นเดียวกับช่วงเวลา 10 ปี ที่ผ่านมาด้วย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PEACE คาด แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2564 ผู้ประกอบการเริ่มเปิดตัวโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะโครงการแนวราบเพื่อดึงดูดผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และนักลงทุนที่มีกำลังซื้อพร้อม ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบมากถึง 60% จากอดีตที่มีสัดส่วนเพียง 40% เชื่อว่าเทรนด์นี้ยังอยู่อีกระยะหนึ่ง โดยเฉพาะโครงการแนวราบในพื้นที่รอยต่อเมือง เพราะรถไฟฟ้ามีการขยายตัวไปรอบนอกมากขึ้น ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดจากเรียลดีมานด์ที่มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุค New Normal ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่รองรับการใช้ชีวิตและมีพื้นที่สีเขียวในการผ่อนคลาย มีพื้นที่ในการทำกิจกรรมภายในครอบครัว ซึ่งจะตอบสนองความต้องการของคนในครอบครัวได้หลากหลายรูปแบบทั้งการ Work from Home และการเรียนผ่านระบบออนไลน์ ถือเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์การอยู่อาศัย ที่มีบทบาทสำคัญในการเลือกซื้อมากขึ้น นอกจากนี้ มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐยังเป็นตัวช่วยสำคัญ และเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย