กรุงเทพฯ 18 พ.ย.- กรมส่งเสริมสหกรณ์ จับมือแอมเวย์ยาวนาน 22 ปี ส่งข้าวมากกว่า 3.9 หมื่นตัน สร้างรายได้ให้สมาชิกสหกรณ์กว่า 992.76 ล้านบาท ขยายตลาดข้าวสารต่อเนื่อง หนุนสหกรณ์ต่อยอดข้าวคุณภาพ หวังส่งออก ตปท. สร้างรายได้เพิ่มให้กับสมาชิกอย่างยั่งยืน
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2021/11/257460614_1988008504727427_575360722233030239_n.jpg)
กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดพิธีลงบันทึกข้อตกลงขายข้าวแอมเวย์ โดยมี นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นสักขีพยาน ระหว่าง บริษัท ซี.เอ.เอส อินเตอร์เทรด จำกัด กับสหกรณ์การเกษตร จำนวน 5 แห่ง ที่เป็นคู่ค้าข้าวสารกับบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมหนุนสหกรณ์ผู้ผลิตข้าวพัฒนาต่อยอดข้าวคุณภาพ หวังส่งออกจำหน่ายตลาดต่างประเทศ
นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ขยายช่องทางตลาดข้าวสารภายในประเทศ โดยประสานความร่วมมือระหว่างสหกรณ์ผู้ผลิตข้าวคุณภาพกับบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อช่วยให้สหกรณ์มีตลาดจำหน่ายข้าวสารที่แน่นอน และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับผู้บริโภคโดยตรง กรมฯ จึงดำเนินการคัดเลือกสหกรณ์การเกษตรที่มีการแปรรูปข้าวที่มีศักยภาพและเป็นสหกรณ์ที่ผลิตข้าวหอมมะลิแท้ ทำสัญญาซื้อขายและเป็นคู่ค้าข้าวสารสหกรณ์กับ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นข้าวหอมมะลิบรรจุถึงสุญญากาศ ภายใต้เครื่องหมาย “Amway” ตั้งแต่ ปี 2542 เป็นต้นมา จวบจนปัจจุบันเป็นระยะเวลายาวนานถึง 22 ปี
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2021/11/257617880_1988008621394082_5644604575548937520_n.jpg)
นายอัชฌา กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งเริ่มโครงการฯ จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีปริมาณและมูลค่าของข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมมะลิ และข้าวกล้องงอก ที่ส่งมอบให้กับบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด มีปริมาณรวมกว่า 39,300.45 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 992.76 ล้านบาท ปัจจุบันมีสหกรณ์การเกษตรที่เข้าร่วมโครงการ 5 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์การเกษตร พิมาย จำกัด จังหวัดนครราชสีมา สหกรณ์การเกษตรเมืองร้อยเอ็ด จำกัด จังหวัดร้อยเอ็ด สหกรณ์การเกษตรปราสาท จำกัด จังหวัดสุรินทร์ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรบุรีรัมย์ จำกัด จังหวัด บุรีรัมย์ และสหกรณ์การเกษตรพร้าว จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทุกสหกรณ์มีศักยภาพในการผลิตรวบรวมและแปรรูปข้าวสาร มีโรงสีข้าวที่ผ่านมาตรฐาน GMP HACCP และ อย. มีกำลังการผลิตตั้งแต่ 40 – 100 ตันต่อวัน
ที่ผ่านมา กรมฯ ได้สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจข้าวของสหกรณ์ตั้งแต่ด้านการผลิต การรวบรวม การแปรรูป และการตลาด โดยให้ความรู้ สนับสนุนเงินทุน อุปกรณ์การตลาด การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์หาตลาดและการจับคู่ธุรกิจ รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ กรมการค้าภายใน องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ อ.ต.ก. รวมทั้งสหกรณ์ได้มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวคุณภาพที่มีหลากหลายสายพันธุ์เพิ่มมากขึ้น พัฒนาเครื่องจักรกลต่าง ๆ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ปริมาณโรงสีขนาดใหญ่ในสถาบันเกษตรกร/สหกรณ์เพิ่มมากขึ้น มีประมาณ 50 โรงสี รวมทั้งมีไซโลเก็บผลผลิตทางการเกษตรขนาดใหญ่ และสิ่งที่สำคัญ ที่จะตอบโจทย์การตลาดในปัจจุบันคือ การตลาดออนไลน์ การขนส่งมีความรวดเร็ว สินค้าดีมีคุณภาพตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงขายข้าวแอมเวย์ ในครั้งนี้ เป็นความตกลงร่วมกันในการซื้อขายข้าวสาร Lot 50 ในปริมาณ 312 ตัน มูลค่า 9.862 ล้านบาท กำหนดส่งมอบระหว่างเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ทั้งนี้ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ได้มีการนำเสนอสินค้าใหม่เพื่อทำข้อตกลงซื้อขายระหว่างสหกรณ์ กับบริษัท ซี.เอ.เอส อินเตอร์เทรด จำกัด ในฐานะผู้แทนของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีนโยบายในการขยายฐานลูกค้าใหม่ ต้องการข้าวสารคุณภาพ อาทิ ข้าว 5 สี (ข้าวไรซ์เบอร์รี่งอก ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวสังข์หยด ข้าว กข.43 และข้าวหอมมะลิ) และข้าวตรา CaslightG เพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าประเภทร้านอาหารเป็นหลัก เน้นการตลาดออนไลน์มีการสื่อสารที่รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ช่วยระบายข้าวในสต๊อคของสหกรณ์ และเป็นการแก้ไขปัญหาข้าวราคาตกต่ำด้วย
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2021/11/257502727_1988008058060805_3033068485189988373_n.jpg)
ด้านนางปาณชญา บวชสันเทียะ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์ฯ ได้เข้าร่วมโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 44 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ข้าวของสหกรณ์ฯ เป็นที่รู้จักและยอมรับของกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจและเชื่อมั่นในคุณภาพการผลิตข้าวของสหกรณ์ ทำให้สหกรณ์มีโอกาสพัฒนาต่อยอดข้าวคุณภาพจำหน่ายให้กับลูกค้ารายอื่นด้วย ขณะนี้นอกจากจะส่งข้าวให้กับแอมเวย์แล้ว สหกรณ์ยังส่งข้าวให้กับโรงแรมต่างๆ ข้าวปลอดภัยส่งขายให้โรงพยาบาลในจังหวัดนครราชสีมา และจำหน่ายให้กับเครือข่ายสหกรณ์ รวมทั้งมีพ่อค้ารายอื่น ๆ ติดต่อขอซื้อข้าวสารของสหกรณ์ด้วย และทางสหกรณ์มีความพร้อมมีศักยภาพในการผลิตข้าวคุณภาพ หากในอนาคตจะมีการส่งออกข้าวไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ซึ่งเราต้องอาศัยความร่วมมือจาก บริษัท ซี.เอ.เอส อินเตอร์เทรด จำกัด เป็นตัวกลางในการประสานเครือข่ายทางการตลาดกระจายสินค้าไปยังต่างประเทศ อาทิ ประเทศจีน อินเดีย รวมทั้งประสานกับบริษัท แอมเวย์ ในต่างประเทศนำข้าวแอมเวย์ไปจำหน่ายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ถ้าสามารถกระจายไปยังต่างประเทศได้ จะทำให้สหกรณ์มียอดการจำหน่ายสูงขึ้น สหกรณ์มีกำไรจากการดำเนินธุรกิจมากขึ้น สมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย