กรุงเทพฯ 19 ต.ค.-ธปท.สั่งทุกธนาคาร กำหนดให้ยืนยันตัวตน ก่อนซื้อสินค้าออนไลน์ ให้มีการแจ้งเตือนเจ้าของบัตรทุกช่องทางตั้งแต่บาทแรก พร้อมเตรียมกำหนดเงื่อนไขให้ยืนยันตัวตน ก่อนซื้อสินค้าออนไลน์
จากกรณีการตัดเงินที่ผิดปกติ ผ่านบัตรเครดิตและเดบิต ซึ่งมีผู้ที่ได้รับความเสียหายจำนวนมาก โดยล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย สั่งให้ทุกธนาคาร ยกระดับความเข้มข้นการตรวจจับความผิดปกติไปถึงการทำธุรกรรมที่มีมูลค่าน้อยๆ ให้มีการแจ้งเตือนเจ้าของบัตรทุกช่องทางตั้งแต่บาทแรก พร้อมเตรียมกำหนดเงื่อนไขให้ยืนยันตัวตน ก่อนซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะร้านค้าในต่างประเทศ ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบ ในส่วนของบัตรเดบิต ทุกธนาคาร ยืนยันพร้อมคืนเงินภายใน 5 วัน
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทยกล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ถึง 17 ตุลาคมที่ผ่านมา พบการธุรกรรมการเงินที่ ผิดปกติประมาณ 10,700 บัตร ส่วนใหญ่มีการทำธุรกรรมในช่วง 14-17 ตุลาคม ซึ่งมาจากใช้บัตรเดบิต กับเครดิต อย่างละครึ่ง รวมมูลค่าความเสียหายจากบัตรเดบิต ประมาณ 30 ล้านบาท และบัตรเครดิต ประมาณ 100 ล้านบาท ในจำนวนนี้ ไม่รวมข้อมูลภัยไซเบอร์อื่นๆ ที่อาจจะมาจากการพนันออนไลน์ โดยขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูล แต่เกิดการโกง ในรูปแบบ สุ่มเลขบัตร ที่ใช้มูลค่าน้อย ทำให้ไม่ต้องใช้ระบบการยืนยันตัวตน แต่ถือเป็นระบบธุรกรรมที่ใช้เหมือนกันทั่วโลก แต่ขณะนี้ ผู้ออกบัตร ได้เร่งดำเนินการแล้ว ในส่วนของบัตรเครดิต จะไม่มีการตัดยอดเงิน และคิดดอกเบี้ย ส่วนบัตรเดบิต หากได้รับการยืนยันไม่มีการซื้อ-ขายจริง จะคืนเงินภายใน 5 วันทำการ
นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ได้ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย กำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ปัญหา โดยการยกระดับความเข้มข้นในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำ และที่มีความถี่สูง หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ธนาคารจะระงับการใช้บัตรทันที และแจ้งลูกค้าในทุกช่องทางตั้งแต่บาทแรก รวมทั้งเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ เพิ่มการแจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการ ตั้งแต่รายการแรก ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ระบบ Mobile banking อีเมล หรือ SMS และหากตรวจพบมีการทุจริตจริง กรณีบัตรเดบิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการส่วนกรณีบัตรเครดิต ธนาคาร จะยกเลิกรายการดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ และจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม จะเร่งหารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น Visa Mastercard เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม อาทิ OTP ซึ่งการใช้ระบบดังกล่าว จะต้องคุยกับร้านค้าออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศให้ยอมรับด้วย โดยประชาชน ควรตรวจสอบการทำธุรกรรมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งระมัดระวังการผูกบัตรเดบิตในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะกับแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยง เช่น เกมออนไลน์แพลตฟอร์มที่ไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งาน หรือ ไม่มี OTP สำหรับบางธนาคาร ลูกค้ายังสามารถเปิด/ปิดการใช้งานของบัตร หรือ เปลี่ยนแปลงวงเงินการใช้บัตร หรือ อายัดบัตรได้ด้วยตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคาร .-สำนักข่าวไทย