กรุงเทพฯ 29 ก.ย.-เปิดงาน “ECO Innovation Forum 2021” ทิศทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยด้วย BCG Model เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวให้เกิดขึ้น เอกชนขานรับพัฒนาอุตสาหกรรมให้มีการเจริญเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ECO Innovation Forum 2021” พร้อมมอบนโยบายทิศทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยด้วย BCG Model ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กำหนดกลไกการดำเนินงานร่วม โดยการตั้งคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมีกลไกขับเคลื่อนร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ BCG Economy Model โดยเฉพาะประเด็นของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ให้เกิดขึ้น ในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน การพัฒนาอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม มีส่วนสำคัญช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการและควบคุมกระบวนการผลิตและการใช้ทรัพยากรและวัตถุดิบอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะขาดแคลนขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้น จึงเกิดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ขึ้น เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานและกำหนดทิศทางในการพัฒนาประเทศ รวมถึงพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของประเทศที่ไม่เพียงแต่พัฒนาด้านเศรษฐกิจ แต่เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ กนอ.ยังดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเพื่อส่งเสริมนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ที่สอดคล้องตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580 ) ซึ่ง BCG Model ถือเป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า และนำวัสดุต่าง ๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด
สำหรับปีนี้มีนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศระดับ Eco-World Class 2 แห่ง ระดับ Eco-Excellence 4 แห่ง ระดับ Eco-Champion 2 แห่ง นิคม/ท่าเรืออุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 4.0 จำนวน 1 แห่ง โรงงานอุตสาหกรรม 4.0 จำนวน 5 แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) จำนวน 45 แห่ง และมีโรงงานได้รับรอง Water Footprint จำนวน 8 แห่ง ปัจจุบัน กนอ. มีนิคมที่ได้รับการรับรองเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศรวม 36 แห่ง โดยยกระดับเป็นระดับ Eco-Excellence 16 แห่ง ระดับ Eco-World Class 5 แห่ง
นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ส.อ.ท. และ กนอ. มีนโยบายทิศทางเดียวกันในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมให้มีการเจริญเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อสังคม มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงได้แสดงเจตจำนงในการร่วมมือเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมได้รับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ หรือ Eco Factory ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สำคัญอย่างหนึ่ง ในการพัฒนายกระดับเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยลักษณะของโรงงานที่ได้รับรองมาตรฐาน Eco Factory จะสอดคล้องกับข้อกำหนดเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 5 มิติ 22 ด้าน ได้แก่ มิติกายภาพ มิติเศรษฐกิจมิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม และมิติการบริหาร นอกจากนี้ ส.อ.ท. ได้มีการให้รับรองมาตรฐานวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานที่จะยกระดับเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศด้วย
จากความร่วมมือของ ส.อ.ท. และ กนอ. ที่ผ่านมา.และภารกิจของทั้ง 2 ฝ่ายในการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมสู่ความเป็น Eco ในปีนี้ ส.อ.ท. และ กนอ. ได้จับมือกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อขยายความร่วมมือในการเป็นหน่วยร่วมส่งเสริมและรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่จะยกระดับเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Town) ของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้มาตรฐาน Eco Factory เหมาะสมกับอุตสาหกรรมทุกขนาด ทั้ง 3 หน่วยงาน จึงได้ปรับระดับการรับรองเป็น 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1.Eco Factory Beginner ซึ่งเหมาะกับโรงงานขนาดกลางและขนาดย่อม ระดับที่ 2.Eco Factory ซึ่งให้การรับรองอยู่ในปัจจุบัน และเทียบเท่าอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 ที่รับรองโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม และระดับที่ 3 Eco Factory Plus มุ่งส่งเสริม Value Chain Network เพื่อขยายผลความร่วมมือนี้ตอบนโยบาย BCG Model ของรัฐบาล โดยเฉพาะ Green Economy เพื่อสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและการเกิดมลพิษสิ่งแวดล้อม รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้กำหนดโรงงานอุตสาหกรรมในกำกับประมาณ 71,130 โรง ทั่วประเทศพัฒนาสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียวตั้งเป้าภายในปี 2568 ซึ่ง ส.อ.ท.ได้นำนโยบายมากำหนดแผนงานเพื่อส่งเสริมให้สมาชิก ส.อ.ท. ได้รับรอง Eco Factory หรืออุตสาหกรรมสีเขียวทั้งหมดภายในปี 2568 ด้วยเช่นกัน. -สำนักข่าวไทย