กรุงเทพฯ 6 ก.ค. – ธอส. แนะลูกค้าบริเวณใกล้เคียง เหตุระเบิด-เพลิงไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว รีบแจ้ง เพื่อรับความช่วยเหลือ ทั้งพักหนี้ ลดดอกเบี้ย ให้กู้ซ่อม และจ่ายค่าสินไหม
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ประกาศ 7 มาตรการช่วยเหลือลูกค้าธนาคารผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด-เพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ซอยกิ่งแก้ว 21 จ.สมุทรปราการ ประกอบด้วย 1) ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี นาน 1 ปี 2) พร้อมปล่อยกู้เพิ่มหรือกู้ใหม่ ดอกเบี้ยปีแรก 1% ต่อปี 3) ลูกหนี้หลักประกันเสียหายเปิด ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ดอกเบี้ย 0% ต่อปี 4 เดือน ไม่ต้องชำระเงินงวด 4 เดือนแรก 4) ลูกหนี้มีผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้ไม่เกิน 1 ปี ดอกเบี้ย 1% ต่อปี เตรียมวงเงินรองรับเหตุการณ์ครั้งนี้ 500 ล้านบาท
5) กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรให้ผ่อนชำระดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี 6) ผู้อาศัยอยู่ใกล้เคียง บ้านเสียหายทั้งหลังซ่อมแซมไม่ได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของอาคาร และ 7) ลูกค้าที่หลักประกันได้รับความเสียหาย อาทิ กระจกแตก เกิดรอยร้าวตามตัวอาคาร ให้แจ้งเคลมความเสียหาย เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปประเมินจ่ายค่าสินไหมให้ตามมูลค่าของความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินทุนประกันอาคาร โดยขอให้ติดต่อโดยด่วน ขณะนี้มีลูกค้า ธอส. ยื่นเคลมความเสียหายแล้ว 70 ราย
สำหรับลูกค้าที่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการสามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศหรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์(Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนปรนให้ธนาคารพาณิชย์ลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จากร้อยละ 0.46 ต่อปี ลดลงเหลือร้อยละ 0.23 ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี ครบกำหนดในปี 64 นี้ เพื่อลดต้นทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ นำไปลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ ช่วงเผชิญกับปัญหาไวรัสโควิด
ขณะที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ลดเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จากเดิมนำส่ง 0.25% ต่อปี ลดลงเหลือ 0.125% ต่อปี ของยอดเงินฝากที่ได้รับจากประชาชน ภายในปี 2564 เพื่อให้แบงก์รัฐลดต้นทุนทางการเงิน และมีกำลัง ช่วยเหลือภาคธุรกิจและภาคประชาชน เพื่อให้มีภาระดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ดังนั้น สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กระทรวงการคลัง จึงต้องหารือกับ ธปท.เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันว่าจะพิจารณาขยายเวลาการนำส่งเงินเข้ากองทุนฯ อย่างไรบ้าง เพราะหากแบงก์พาณิชย์ ปรับเพิ่มดอกเบี้ย ตาม ธปท. เนื่องการการนำส่งเงินเข้ากองทุนจะครบกำหนดภายในสิ้นปี แบงก์รัฐต้องขยับดอกเบี้ยเพิ่มตามไปด้วย จึงอาจกระทบต่อลูกค้าในช่วงเผชิญกับปัญหาโควิด-19
ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ต้องดำเนินนโยบาย “ทำให้คนไทยมีบ้าน” และเป็นธนาคารบ้านของคนไทย ต้องรอผลการหารือดังกล่าวให้มีความชัดเจน สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของ ธอส. ปัจจุบันประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ย ต่ำที่สุดขณะนี้ โครงการสินเชื่อ New Home 1.99% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) อยู่ที่ 6.150%ต่อปีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) อยู่ที่ 5.750% ต่อปีและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้เบิกเกินบัญชี (MOR) อยู่ที่ 5.900% ต่อปี .- สำนักข่าวไทย