กรุงเทพฯ 28 มิ.ย.-ประธานหอการค้าไทยย้ำไม่เห็นด้วยรัฐเลื่อนคนละครึ่งออกไป แม้ปิดร้านอาหาร แต่ยังใช้จ่ายด้านอื่นได้ แนะรัฐควรปรับแนวทางเสริมเพิ่มวงเงินช่วยประชาชนให้มากขึ้น อีกทั้งอย่าปิดประเทศนาน หวั่นกระทบเศรษฐกิจยาว
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า จากกระแสข่าวหากรัฐบาลจะเลื่อนมาตรการคนละครึ่งออกไปก่อน เพื่อให้สอดรับกับแนวทางห้ามประชาชนนั่งทานอาหารภายในร้านอาหารแต่ซื้อกลับไปได้นั้น โดยเห็นว่าหากรัฐจะเลื่อนโครงการนี้ออกไปไม่เห็นด้วย เพราะขณะนี้เศรษฐกิจไทยต้องการกระตุ้นจากการใช้จ่าย ยิ่งต้องมีมาตรการออกมาช่วยในการเพิ่มกำลังซื้อ ซึ่งมาตรการคนละครึ่งนั้นไม่ได้ใช้ฉพาะในร้านอาหารเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เพื่อซื้อสินค้าอื่นๆได้ และมาตรการนี้สามารถใช้ได้ทั่วประเทศ รวมถึงผู้ได้ผลกระทบจากการยกระดับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะได้มีมาตรการนี้มาแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มองว่ารัฐบาลควรเดินหน้าต่อและควรให้เพิ่มจำนวนเงินที่เติมเข้าตามข้อเสนอของภาคเอกชน จาก 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท และต้องเร่งใช้ มาตรการในช่วงไตรมาสที่ 3 จากวงเงินกู้ 500,000 ล้านบาทให้เต็มที อีกทั้งมองว่ามาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแม้กระแสตอบรับจากการลงทะเบียนยังไม่มากเท่าที่ตั้งเป้าไว้ แต่หากจะกระตุ้นการใช้จ่ายจริงภาครัฐควรปรับมาตรการให้เข้าถึงหรือนำแนวช้อปดีมีคืนมาใช้เพิ่ม รวมถึงมีมาตรการอื่นๆมาเสริมเพื่อจูงใจให้ประชาชนสนใจเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ภาคเอกชนมองว่า การประกาศล็อคดาวน์ในบางพื้นที่ไม่ควรให้ระยะเวลานานเกินไป เพราะกระทบเศรษฐกิจยาว ควรต้องมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม เพราะหลายธุรกิจกระทบมาหลายรอบโดยเฉพาะร้านอาหาร กลุ่มท่องเที่ยว และ กลุ่มผู้ใช้แรงงานในภาคบริการ ที่อาจจะตกงานในอนาคตได้อีกมาก ดังนั้น จะต้องมีมาตรการเยียวยาเพื่อให้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสามารถประคองธุรกิจต่อไปได้หลังจากมีการให้เปิดให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และการปิดบางธุรกิจตามคำประกาศของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.นี้เป็นเวลา 1 เดือน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินไว้ว่า จะเสียหายเพิ่มจากเดิม ประมาณวันละ 1,000-2,000 ล้านบาทเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย