แนะเอกชนไทยศึกษาโครงการ Food Tech Valley ยูเออี

นนทบุรี 16 มิ.ย.-พาณิชย์แนะเอกชนไทยศึกษาโครงการ Food Tech Valley ยูเออี ชี้ช่องนำเทคโนโลยีใช้ทำการเกษตรเพื่อสร้างความมั่นคงในการผลิตอาหาร และลดการสูญเสียทรัพยากร


​​นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ หาโอกาสส่งออกให้กับผู้ประกอบการไทย หลังได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ ถึงการสร้างเขตเศรษฐกิจแห่งใหม่ (Economic Zone) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารที่สะอาดและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และยังทําหน้าที่เป็นศูนย์บ่มเพาะสําหรับนักวิจัย ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบที่มีศักยภาพในการวางแผนอนาคตของอุตสาหกรรมอาหาร

อย่างไรก็ตามโครงการนี้เป็นการสร้างเมืองสมัยใหม่แบบบูรณาการ จะมีการผลิตพืชผลมากกว่า 300 ชนิด โดยใช้เทคนิคการทําฟาร์มที่ทันสมัย และจะเป็นศูนย์กลางสําหรับอาหารและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สะอาดในอนาคต มีการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและการวิจัยสำหรับนําไปใช้ในการแปรรูปอาหารและการเกษตร การใช้เทคนิคทําฟาร์มสมัยใหม่ เช่น การทําฟาร์มในแนวตั้ง (Vertical Farming) การเพาะเลี้ยงพืชและสัตว์ในน้ำ (Aquaculture) และการปลูกพืชไร้ดิน (Hydroponics) เพื่อสร้างความมั่นคงในการผลิตอาหารพืชผักสด และลดการสูญเสียทรัพยากร ซึ่งโครงการนี้ เปิดตัวเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา และเฟสแรกของโครงการเรียกว่า Food Tech Valley เพื่อเป็นแหล่งผลิตอาหารให้ยูเออีได้เพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า ซึ่งเกษตรกรรุ่นใหม่ ผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทย ควรจะศึกษา และพิจารณานำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในกระบวนการผลิตทางการเกษตร ก็จะช่วยลดต้นทุน และเพิ่มศักยภาพการผลิตได้เพิ่มขึ้น


นายปณต บุณยะโหตระ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ กล่าวว่า ไทยได้มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในภาคการเกษตร เช่น การใช้ Blockchain Agriculture ช่วยบริหารจัดการพื้นที่ทางการเกษตรและพัฒนาระบบชลประทานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินสำรวจพื้นที่ เพื่อจัดเก็บข้อมูลดิน ความชื้นในอากาศ และข้อมูลแร่ธาตุต่างๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ด้วย Big Data Analytics และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาด้านการเกษตรของยูเออี หากไทยและยูเออีสามารถร่วมมือกันในด้านการพัฒนาการเกษตรและความมั่นคงทางอาหารได้ ก็จะทำให้ทั้งสองประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการยกระดับด้านคุณภาพและปริมาณการผลิต ตลอดจนการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรไทยให้ก้าวไปสู่การทำการเกษตรแบบยั่งยืน

​​สำหรับโครงการ Food Tech Valley ประกอบด้วย 4 คลัสเตอร์สำคัญ ได้แก่ 1.กลุ่มเทคโนโลยีการเกษตรและวิศวกรรม  จะมีฟาร์มแนวตั้งที่จะใช้เทคโนโลยีอาหารล่าสุดในการปลูกพืชที่สําคัญตลอดทั้งปี และยังมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการนวัตกรรมด้านชีววิศวกรรม (Bioengineering) ระบบควบคุมอัตโนมัติที่สามารถเริ่มต้นการทำงานได้เองผ่านการรันโปรแกรมที่วางเอาไว้ เพื่อช่วยในการควบคุม สั่งงาน หรือรับคำสั่งงานต่างๆ เทคโนโลยีหุ่นยนต์ (Robotics) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และสิ่งสนับสนุนอื่นเพื่อเสริมสร้างความสามารถในระบบนิเวศอาหาร

​​2. ศูนย์กลางในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีธุรกิจเกษตรไว้ที่จุดเดียว จะช่วยยกระดับความสามารถผู้ประกอบการในการแข่งขันทางธุรกิจ ทําหน้าที่เป็นศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการ มีโรงงานเฉพาะทางผลิตอาหารชนิดใหม่สำหรับร้านอาหาร และการเพิ่มขีดความสามารถและนวัตกรรม การบริการธุรกิจร้านอาหารแบบยั่งยืนและพอเพียง ช่วยลดการสูญเสียและการเหลือทิ้งทรัพยากร


3.ศูนย์ด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ระดับโลก เพื่อฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร และสนับสนุนสถานประกอบการด้านอาหาร จัดหาสิ่งอํานวยความสะดวกโดยการใช้หุ่นยนต์เกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตและพืชทนแล้ง รวมทั้งการประยุกต์การเพาะเลี้ยงสาหร่ายเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพและผลิตโปรตีนทางเลือก และศูนย์ R&D จะศึกษาการใช้ AI ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และจัดการพืชผลทางการเกษตร และตรวจจับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความพยายามในการวิจัยความมั่นคงด้านอาหารโดยการทำการเกษตรจากการกลั่นน้ำทะเล การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ทำการเกษตร โภชนพันธุศาสตร์ หรือ Nutritional Genomics เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโภชนาการ สมรรถภาพร่างกายและพันธุกรรม ทำให้ทราบถึงความต้องการสารอาหารที่จำเป็น เป็นต้น

4.ศูนย์กลางโลจิสติกส์อัจฉริยะ จะมีระบบจัดเก็บอาหารที่ให้บริการจัดเก็บแบบอัตโนมัติ ควบคุมด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บอาหาร และใช้เทคโนโลยี Big Data มาใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขนส่ง ในการวางแผนดำเนินการและควบคุมประสิทธิภาพและประสิทธิผล การจัดเก็บวัตถุดิบ สินค้าคงคลังในกระบวนการ และสารสนเทศที่เกี่ยวข้องจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดที่มีการใช้งาน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้บริโภคสามารถติดตามคุณภาพอาหารแหล่งกําเนิดอาหารและส่วนประกอบ การเก็บรักษา การส่งมอบเพื่อให้แน่ใจว่าเกิดประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานอาหารเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง