กรุงเทพฯ 12 พ.ค.-OR เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,079 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.9 จากไตรมาสก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.38 บาท สูงกว่าไตรมาสก่อน 0.06 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.8 สะท้อนผลการดำเนินการที่แข็งแกร่ง พร้อมมุ่งขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตร เพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า จากที่ OR ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 และเป็นหุ้นที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับตลาดหุ้นไทยที่มีรายการจองซื้อและจำนวนผู้ถือหุ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการระดมทุนในตลาดหุ้นไทยด้วยวิธีการกระจายหุ้นแบบ Small Lot First ให้ประชาชนได้ร่วมเป็นเจ้าของ OR อย่างทั่วถึง สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ OR ในการเติบโตไปพร้อมกับคนไทย สำหรับผลการดำเนินการในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 OR มีกำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,079 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.9 เมื่อเทียบกับไตรมาก่อน (QoQ) หรือเพิ่มขึ้น 2,106 ล้านบาท หรือมากกว่าร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 (YoY) จากปัจจัยหลักคือการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรของผลิตภัณฑ์น้ำมัน
สำหรับผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 1 ปี 2564 มีรายได้ขายและบริการ 118,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,964 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 8.2 จากไตรมาสก่อน โดยหลักจากรายได้เฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจน้ำมัน ซึ่งราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ส่วนรายได้กลุ่มธุรกิจ Non-Oil ปรับตัวลดลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้อุปสงค์ของผู้บริโภคลดลง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่กลางไตรมาส มีการจัดกิจกรรมทางการตลาดซึ่งสามารถกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับรายได้กลุ่มธุรกิจต่างประเทศนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา OR ได้เข้าลงทุนในบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ในสัดส่วน 20% เป็นการต่อยอดธุรกิจ F&B ภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ รวมถึง สนับสนุนผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรผู้ปลูกผักในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และ Café Amazon รวมทั้งยังได้ร่วมกับ LINE MAN Wongnai เปิดให้บริการ LINE MAN Kitchen ซึ่งเป็นคลาวด์ คิทเช่นในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพิ่มเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภค โดยใช้ PTT Station เป็นแพลตฟอร์มให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าและบริการที่นอกเหนือจากการเติมน้ำมัน ตามแนวคิด Retailing Beyond Fuel นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับ GPSC เปิดตัวโครงการ G-Box ซึ่งเป็นระบบกักเก็บพลังงานผ่านแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System หรือ BESS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริหารจัดการพลังงานร่วมกับ EV Station ถือเป็นนวัตกรรมพลังงาน ที่มีส่วนสำคัญในการเพิ่มเสถียรภาพการใช้ไฟฟ้า ทั้งในด้านการลดต้นทุนค่าพลังงาน และป้องกันไฟฟ้าตกหรือดับได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด รองรับความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคต
“การดำเนินการเหล่านี้เป็นไปตามทิศทางกลยุทธ์ของ OR ที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน ตอบโจทย์คนเดินทางในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกัน (Inclusive Growth) สร้างชุมชนที่น่าอยู่ (Living Community) และสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ (Healthy Environment) ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน” นายพิจินต์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย